-- MySQL dump 10.11 -- -- Host: localhost Database: e_learning -- ------------------------------------------------------ -- Server version 5.0.77 /*!40101 SET @OLD_CHARACTER_SET_CLIENT=@@CHARACTER_SET_CLIENT */; /*!40101 SET @OLD_CHARACTER_SET_RESULTS=@@CHARACTER_SET_RESULTS */; /*!40101 SET @OLD_COLLATION_CONNECTION=@@COLLATION_CONNECTION */; /*!40101 SET NAMES utf8 */; /*!40103 SET @OLD_TIME_ZONE=@@TIME_ZONE */; /*!40103 SET TIME_ZONE='+00:00' */; /*!40014 SET @OLD_UNIQUE_CHECKS=@@UNIQUE_CHECKS, UNIQUE_CHECKS=0 */; /*!40014 SET @OLD_FOREIGN_KEY_CHECKS=@@FOREIGN_KEY_CHECKS, FOREIGN_KEY_CHECKS=0 */; /*!40101 SET @OLD_SQL_MODE=@@SQL_MODE, SQL_MODE='NO_AUTO_VALUE_ON_ZERO' */; /*!40111 SET @OLD_SQL_NOTES=@@SQL_NOTES, SQL_NOTES=0 */; -- -- Table structure for table `ans` -- DROP TABLE IF EXISTS `ans`; SET @saved_cs_client = @@character_set_client; SET character_set_client = utf8; CREATE TABLE `ans` ( `id_ans` int(11) NOT NULL auto_increment, `id_quiz` int(11) NOT NULL default '0', `name` varchar(30) NOT NULL, `message` text NOT NULL, `email` varchar(50) NOT NULL, `date_a` varchar(30) NOT NULL, PRIMARY KEY (`id_ans`) ) ENGINE=InnoDB AUTO_INCREMENT=7 DEFAULT CHARSET=utf8; SET character_set_client = @saved_cs_client; -- -- Dumping data for table `ans` -- LOCK TABLES `ans` WRITE; /*!40000 ALTER TABLE `ans` DISABLE KEYS */; INSERT INTO `ans` VALUES (1,2,'482101012','ทดสอบการตอบคำถาม','sdfa@localhost.com','2007-07-7'),(2,2,'ไชย','ทดสอบการตอบคำถามครั้งที่ 2','chai@localhost.com','2007-07-7'),(3,1,'บี','ทดสอบการตอบค่ะ','','2007-07-15'),(4,3,'บี','ทดสอบการตั้งคำถามครั้งที่ ','','2007-07-16'),(5,1,'14 อีกครั้ง','ขณะที่ทดลองเรียนโดยระบบนี้ ทีแรกเครื่องใช้ฟังเสียงไม่ได้เลยหงุดหงิด ไม่อยากอ่าน พอเปลี่ยนเครื่อง เครื่องก็ช้าทำให้ความอยากเรียนลดน้อยลง แต่เมื่อเข้าไปในเนื้อหาพบว่าน่าสนใจ มีรูปและวิดีโอให้ดูด้วยตื่นเต้นค่ะ ','minta_care@hotmail.com','27/07/07'),(6,2,'','ขอให้การทำวิจัยครั้งนี้ของอาจารย์ผ่านไปได้ด้วยดีนะคะ','','27/07/07'); /*!40000 ALTER TABLE `ans` ENABLE KEYS */; UNLOCK TABLES; -- -- Table structure for table `menu` -- DROP TABLE IF EXISTS `menu`; SET @saved_cs_client = @@character_set_client; SET character_set_client = utf8; CREATE TABLE `menu` ( `mid` int(5) NOT NULL auto_increment, `menuName` varchar(50) NOT NULL, `detail` text NOT NULL, PRIMARY KEY (`mid`) ) ENGINE=InnoDB AUTO_INCREMENT=7 DEFAULT CHARSET=utf8; SET character_set_client = @saved_cs_client; -- -- Dumping data for table `menu` -- LOCK TABLES `menu` WRITE; /*!40000 ALTER TABLE `menu` DISABLE KEYS */; INSERT INTO `menu` VALUES (1,'หน้าแรก','\r\n \r\n \r\n \r\n \r\n \r\n
\r\n \r\n \r\n \r\n \r\n \r\n \r\n
\r\n

 

\r\n

\"\"

\r\n

อาจารย์จิตตานันท์ ศรีสุวรรณ
\r\n พยม. สาขาวิชาการพยาบาลครอบครัว
\r\n วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี  อุดรธานี

\r\n
\r\n
\r\n

หัวข้อเรื่อง

\r\n
    \r\n
  • ลักษณะทารกแรกเกิด
  • \r\n
  • การประเมินภาวะสุขภาพทารกแรกเกิด
  • \r\n
  • การพยาบาลทารกแรกเกิด
    \r\n  
  • \r\n
\r\n
\r\n
\r\n


\r\n
\r\n 

\r\n
\"\"
'),(2,'ความหมาย','

 

\r\n

                                         ทารกแรกเกิด

\r\n


\r\n       
ทารกแรกเกิด หมายถึง ทารกแรกคลอดจนถึงทารกอายุ 28 วันแรกหลังคลอด ซึ่งเป็นช่วงวัยที่มีความสำคัญมากช่วงหนึ่งของชีวิต  ทารกจะมีการเปลี่ยนแปลงระบบต่างๆในร่างกาย รวมถึงต้องพึ่งพาตนเองทั้งทางด้านการไหลเวียนเลือด การหายใจ การขับถ่าย การย่อย และการใช้สารอาหารต่างๆ ซึ่งแตกต่างจากเมื่อทารกอยู่ในครรภ์มารดา ดังนั้นทารกแรกเกิดจึงมีอัตราการตายค่อนข้างสูง เมื่อเปรียบเทียบกับระยะอื่นๆ ของชีวิต แต่อย่างไรก็ตามความเข้าใจและการพยาบาล ดูแล รักษาที่ถูกต้องของพยาบาลและสมาชิกในครอบครัวจะช่วยแก้ปัญหาและป้องกันโรคแทรกซ้อนต่างๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นได้ ซึ่งจะส่งผลดี ทำให้ทารกมีสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรง และเจริญเติบโตด้วยสุขภาพที่ดีต่อไป 

'),(3,'จุดประสงค์','

 

\r\n

1. นักศึกษา มีความรู้ ความเข้าใจ ในเรื่องการพยาบาลทารกแรกเกิดได้ถูกต้อง

\r\n

2. นักศึกษาสามารถบอกวิธีการพยาบาลทารกแรกเกิดได้ถูกต้อง

\r\n

3. นักศึกษาทราบถึงความจำเป็นในการพยาบาลทารกแรกเกิดได้ถูกต้อง

\r\n

4. เพื่อวินิจฉัยความพิการแต่กำเนิดและปัญหาของทารกที่พบบ่อย

\r\n


\r\n 

\r\n
\"\"
'),(4,'เนื้อหา','\r\n \r\n \r\n \r\n \r\n \r\n \r\n \r\n \r\n
\r\n \r\n \r\n \r\n \r\n \r\n \r\n
ก่อนเข้าสู่บทเรียนผู้เรียนจำเป็นติดตั้งโปรแกรม QuickTime Player 7.6 ขึ้นไปเพื่อความสมบูรณ์ของการเรียน หากในเครื่องของผู้เรียนไม่มีสามารถคลิกเพื่อ
ดาว์นโหลดได้ที่นี่
\r\n
\"\"
'),(5,'แบบฝึกหัด','\r\n \r\n \r\n \r\n \r\n \r\n \r\n \r\n \r\n \r\n \r\n \r\n \r\n \r\n \r\n \r\n \r\n \r\n \r\n \r\n \r\n \r\n \r\n \r\n
คำชิ้แจงในการทำแบบฝึกหัด
1.ห้ามคัดลอกบุคคลข้างเคียง
2.กรุณาทำแบบฝึกหัดด้วยความซื่อสัตย์
3.หากมีปัญหา ข้อบกพร่อง ในการใช้งานกรุณาติดต่ออาจารย์จิตตานันท์
 
\"เริ่มทำแบบฝึกหัด\"
\r\n  
'),(6,'ถาม-ตอบ','\r\n \r\n \r\n \r\n \r\n \r\n \r\n \r\n \r\n \r\n \r\n \r\n \r\n \r\n \r\n \r\n \r\n \r\n \r\n \r\n \r\n \r\n \r\n \r\n \r\n \r\n \r\n \r\n \r\n \r\n \r\n \r\n \r\n \r\n \r\n \r\n \r\n \r\n \r\n \r\n \r\n \r\n \r\n \r\n \r\n \r\n \r\n
ถาม  ทารกแรกเกิด หมายถึง
ตอบ  ทารกที่มีอายุอยู่ภายใน 28 วันแรกหลังคลอดซึ่งเป็นช่วงที่มีความสำคัญมากช่วงหนึ่งของชีวิต
  
ถาม  ระดับความรู้สึกของทารก (State of consciousness)แบ่งออกเป็นกี่ระดับ
ตอบ  1. ระยะสงบหรือหลับสนิท
\r\n  2. ระยะเริ่มตื่น
\r\n  3. ระยะงัวเงีย
\r\n  4. ระยะตื่นตัวเงียบๆ
\r\n  5. ระยะตื่นตัว
\r\n  6. ระยะร้องไห้
  
ถาม  รอยต่อระหว่างกระดูก ( Suture ) ที่สำคัญในการคลอด ได้แก่อะไรบ้าง
ตอบ  1. Frontal Suture อยู่ระหว่างกระดูก Frontal 2 ชิ้น
\r\n  2. Coronal Suture อยู่ระหว่างกระดูก Frontal และกระดูก Parietal
\r\n  3. Sagital Suture อยู่ระหว่างรอยต่อแสกกลาง อยู่ระหว่างกระดูก Parietal
\r\n  4. Lambdoid Suture อยู่ระหว่างกระดูก Parietal และ Occipital
  
ถาม  การทำความสะอาดบริเวณสะดือโดยใช้ providine หลังคลอดและใช้แอลกอฮอล์ขนาดกี่เปอร์เซ็นต์
ตอบ  ใช้แอลกอฮอล์ขนาด 70 เปอร์เซ็นต์
'); /*!40000 ALTER TABLE `menu` ENABLE KEYS */; UNLOCK TABLES; -- -- Table structure for table `quiz` -- DROP TABLE IF EXISTS `quiz`; SET @saved_cs_client = @@character_set_client; SET character_set_client = utf8; CREATE TABLE `quiz` ( `id_quiz` int(11) NOT NULL auto_increment, `title` varchar(50) NOT NULL, `name` varchar(30) NOT NULL, `message` text NOT NULL, `email` varchar(50) NOT NULL, `date_q` varchar(30) NOT NULL, `count_q` int(11) NOT NULL default '0', PRIMARY KEY (`id_quiz`) ) ENGINE=InnoDB AUTO_INCREMENT=4 DEFAULT CHARSET=utf8; SET character_set_client = @saved_cs_client; -- -- Dumping data for table `quiz` -- LOCK TABLES `quiz` WRITE; /*!40000 ALTER TABLE `quiz` DISABLE KEYS */; INSERT INTO `quiz` VALUES (1,'ทดสอบครั้งที่ 1','abc','ทดสอบครั้งที่ 1','abc@localhost.com','2007-07-6',0),(2,'ทดสอบครั้งที่ 2','เอ','ทดสอบครั้งที่ 2','ed@usa.net','2007-07-7',0),(3,'ทดสอบการตั้งคำถามครั้งที่ 3','abc','ทดสอบการตั้งคำถามครั้งที่ 3','abc@hotmail.com','2007-07-9',0); /*!40000 ALTER TABLE `quiz` ENABLE KEYS */; UNLOCK TABLES; -- -- Table structure for table `section` -- DROP TABLE IF EXISTS `section`; SET @saved_cs_client = @@character_set_client; SET character_set_client = utf8; CREATE TABLE `section` ( `sid` int(3) NOT NULL auto_increment, `sec_name` text NOT NULL, `sec_top` int(3) NOT NULL, PRIMARY KEY (`sid`), UNIQUE KEY `sec_top_2` (`sec_top`), KEY `sec_top` (`sec_top`) ) ENGINE=InnoDB AUTO_INCREMENT=4 DEFAULT CHARSET=utf8; SET character_set_client = @saved_cs_client; -- -- Dumping data for table `section` -- LOCK TABLES `section` WRITE; /*!40000 ALTER TABLE `section` DISABLE KEYS */; INSERT INTO `section` VALUES (1,'ลักษณะทารกแรกเกิด',1),(2,'การประเมินภาวะสุขภาพทารกแรกเกิด',2),(3,'การพยาบาลทารกแรกเกิด',3); /*!40000 ALTER TABLE `section` ENABLE KEYS */; UNLOCK TABLES; -- -- Table structure for table `testing` -- DROP TABLE IF EXISTS `testing`; SET @saved_cs_client = @@character_set_client; SET character_set_client = utf8; CREATE TABLE `testing` ( `id` int(3) NOT NULL auto_increment, `question` text NOT NULL, `c1` varchar(100) NOT NULL default '', `c2` varchar(100) NOT NULL default '', `c3` varchar(100) NOT NULL default '', `c4` varchar(100) NOT NULL default '', `answer` int(1) NOT NULL, PRIMARY KEY (`id`) ) ENGINE=MyISAM AUTO_INCREMENT=11 DEFAULT CHARSET=utf8; SET character_set_client = @saved_cs_client; -- -- Dumping data for table `testing` -- LOCK TABLES `testing` WRITE; /*!40000 ALTER TABLE `testing` DISABLE KEYS */; INSERT INTO `testing` VALUES (1,'ทารกแรกเกิด หมายถึง ข้อใด','ก. ทารกแรกคลอดทันที ','ข. ทารกแรกคลอด - 1 ชั่วโมงหลังคลอด','ค. ทารกแรกคลอด - 24 ชั่วโมงหลังคลอด','ง. ทารกแรกคลอด - 28 วันหลังคลอด',4),(2,'ข้อใดไม่ถูกต้องเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสรีรวิทยาของระบบหายใจในทากรกแรกเกิด','ก. การหายใจครั้งแรกจะเกิดขึ้นภายใน 30 วินาที','ข. การหายใจครั้งแรกเกิดจากการสัมผัสความเย็นของอากาศ','ค. ความเป็นกรดด่างในเลือดของทารกลดต่ำลง','ง. สารน้ำในปอดจะถูกขับออกทางระบบไหลเวียน 2 ใน 3 ส่วน',4),(3,'ข้อใดไม่ถูกต้อง เกี่ยวกับส่วนประกอบของเลือดของทารก ','ก. เม็ดเลือดขาวพบ 1-3 หมื่นเซลล์ และลดลงในสัปดาห์แรกแรก','ข. เม็ดเลือดแดง มีขนาดเล็ก จะมีขนาดปกติเมื่อ 6 เดือน','ค. ฮีโมโกลบิน พบได้ 14-20 gm.% จะปกติเมื่อ 6 เดือน','ง. ปริมาตรเลือด พบ 80-100 ml./BW/kg.',2),(4,'เมื่อทารกตกใจ จะกางแขนขาออกแล้วจึงงอเข้า ทำท่าคล้ายกอด ปฏิกิริยานี้ คือ ข้อใด','ก. Moro reflex','ข. Startle reflex','ค. Plantar reflex','ง. Grasping reflex',1),(5,'ระบบทางเดินปัสสาวะของทารกแรกเกิดควรเป็นแบบใด','ก. ปัสสาวะภายใน 12-24 ชั่วโมงแรกหลังคลอด','ข. ปัสสาวะสีเหลืองอ่อน ใส มีกลิ่นและมีตะกอนเล็กน้อย','ค. เลือดเป็นกรดได้ง่าย จากการที่ได้รับนมที่มีโปรตีนสูง','ง. ทารกอาจมีไข้ต่ำ ๆ จากการดูดนมมากๆหรือการปัสสาวะบ่อยๆ',3),(6,'ทารกแรกเกิด มีปลายมือปลายเท้าเขียว หายใจไม่สม่ำเสมอ ร้องเสียงเบา เคลื่อนไหวน้อย คลำชีพจรไม่ได้ ทารกรายนี้ Apgar score เท่าใด','ก. 3 คะแนน','ข. 4 คะแนน','ค. 5 คะแนน','ง. 6 คะแนน',2),(7,'พยาบาลควรให้การดูแลทารกแรกเกิดในข้อ 6 อย่างไร','ก. Keep warm','ข. Keep warm และสังเกตอาการต่อ','ค. Keep warm และกระตุ้นให้ทารกดูดนมมารดา','ง. Keep warm ช่วยฟื้นคืนชีพและรีบนำส่งตึกผู้ป่วยหนักทันที',4),(8,'พยาบาลรายใดชั่งน้ำหนักที่ถูกต้องที่สุดตามหลักการ','ก. พยาบาลวิไล ชั่งน้ำหนักเวลา เดียวกันทุกครั้ง','ข. พยาบาลน้ำฝน ชั่งน้ำหนักเวลา ตาชั่งเดียวกันทุกครั้ง','ค. พยาบาลอรสา ชั่งน้ำหนักเวลา ตาชั่ง และกระดาษรองชั่งแบบเดียวกันทุกครั้ง','ง. พยาบาลรัชนก เช็ดทำความสะอาดตาชั่งและอาบน้ำทารกก่อนชั้งน้ำหนักทุกครั้ง',3),(9,'พยาบาลรายใดดูแลสะดือแบบเปียกได้ถูกต้อง','ก. พยาบาลบุญธรรม เช็ดสะดือด้วยแอลกอฮอล์ 50 %','ข. พยาบาลปฏิวัติ เช็ดสะดือด้วยน้ำต้มสุกหรือ N.S.S.','ค. พยาบาลสมคะเน เช็ดจากปลายสะดือวนลงมาที่ขั้วสะดือ','ง. พยาบาลนิรุธ เช็ดจากขั้วสะดือวนขึ้นไปที่ปลายสะดือ',3),(10,'เมื่อมีสิ่งของมากระทบที่ปากหรือมุมแก้ม ทารกจะหันหน้าไปด้านที่ถูกสัมผัสและอ้าปากทำท่าดูด ปฏิกิริยานี้ คือ ข้อใด','ก. rooting','ข. reflexsucking reflex','ค. swallowing reflex','ง. eating reflex',1); /*!40000 ALTER TABLE `testing` ENABLE KEYS */; UNLOCK TABLES; -- -- Table structure for table `topic` -- DROP TABLE IF EXISTS `topic`; SET @saved_cs_client = @@character_set_client; SET character_set_client = utf8; CREATE TABLE `topic` ( `tid` int(3) NOT NULL auto_increment, `sec_top` int(3) NOT NULL, `topic_name` varchar(100) NOT NULL, `detail` text NOT NULL, PRIMARY KEY (`tid`), KEY `sec_top` (`sec_top`) ) ENGINE=InnoDB AUTO_INCREMENT=27 DEFAULT CHARSET=utf8; SET character_set_client = @saved_cs_client; -- -- Dumping data for table `topic` -- LOCK TABLES `topic` WRITE; /*!40000 ALTER TABLE `topic` DISABLE KEYS */; INSERT INTO `topic` VALUES (1,1,'1.1 ระบบหายใจ','
 
\r\n

ในขณะทารกผ่านช่องคลอด ทรวงอกจะถูกบีบอย่างแรงจากช่องทางคลอดของมารดา สารน้ำในปอดจะถูกบีบออกประมาณ 2 ใน 3 และ 1 ใน 3 จะถูกขับออกทางระบบไหลเวียนในน้ำเหลืองและหลอดเลือดส่วนปลาย ทรวงอกจะคืนสู่สภาพปกติ ลมจะไหลเข้าไปแทนที่น้ำ ทารกจะเริ่มหายใจภายใน 30 วินาที ที่คลอดออกมา และหายใจเป็นจังหวะภายใน 90 วินาที ปอดมีการขยายตัวเป็นส่วน ๆ จากการหายใจครั้งแรก ซึ่งเกิดขึ้นจากศูนย์การหายใจถูกกระตุ้นโดยปัจจัยต่าง ๆ ดังนี้

\r\n


\r\n          1. แรงกระตุ้นที่มีต่อตัวทารก อาจเกิดจาการสัมผัสความเย็นของอากาศ แรงโน้มถ่วงของโลก

\r\n


\r\n        2.การเปลี่ยนแปลงทางเคมีที่เกิดขึ้นในเลือด คือ ความเป็นกรดเป็นด่างที่ลดต่ำลง ระดับออกซิเจนและคาร์บอนไดออกไซด์ที่เพิ่มขึ้นจะกระตุ้นตัวรับเคมี(chemoreceptor) ทำให้เกิดการหายใจปกติ แรกเกิดค่า pH มีประมาณ 7.2 และระดับ pH ของเลือดจะเพิ่มขึ้นเมื่อทารกหายใจเอาออกซิเจนเข้าไปเป็นระยะ ๆ และไปกระตุ้นศูนย์ควบคุมการหายใจ   

\r\n

 

\r\n

       3.ความสามารถในการพองตัวของถุงลมปอดขึ้นอยู่กับสารภายในถุงลมที่เรียกว่า Surfactant ซึ่งมีคุณสมบัติของถุงลมเล็ก ๆ สามารถรักษาความยืดหยุ่นในการหดและพองตัว รวมทั้งโครงสร้างรอบ ๆ ถุงลม ได้แก่ เส้นเลือดเล็ก ๆ ท่อน้ำเหลืองและเนื้อเยื่อเกี่ยวพันด้วย

\r\n


\r\n          4.การเคลื่อนไหวของทรวงอก เนื่องจากศูนย์ควบคุมการหายใจในสมองถูกกระตุ้น จึงส่งกระแสประสาทลงมา ทำให้กล้ามเนื้อระหว่างซี่โครงและกล้ามเนื้อกระบังลมหดตัว ทรวงอกจึงขยายมากขึ้น ความดันต่ำลง อากาศภายนอกจึงผ่านเข้าไปได้ เป็นผลให้เกิดการหายใจ ทันทีที่ทารกเกิดอัตราการหายใจอาจสูงขึ้น 80 ครั้ง/นาที และลดลงสู่ภาวะปกติระหว่าง 30 - 60 ครั้ง/นาที ถ้าอัตราการหายใจต่ำกว่า 30 ครั้ง/นาที หรือสูงกว่า 60 ครั้ง/นาที แสดงว่าหายใจผิดปกติ โดยควรพิจารณาลักษณะและจังหวะของการหายใจประกอบด้วย ความดันของออกซิเจนในหลอดเลือดแดงมีค่าประมาณ 55 - 70 เซนติเมตรปรอท ปริมาตรของลมที่เหลือภายในปอดหลังการหายใจออกเต็มที่ประมาณ 100 มิลลิลิตร อาจพบทารกหยุดหายใจช่วงสั้น ๆ โดยไม่มีอาการเขียวได้แต่ไม่เกิน 5 - 10 วินาที จะเห็นได้ชัดเจนที่หน้าท้องเพราะใช้กล้ามเนื้อหน้าท้องและกล้ามเนื้อกระบังลมในการหายใจ
\r\n 

'),(2,1,'1.2 ระบบไหลเวียนโลหิต','

     1.2.1 การไหลเวียนโลหิต ทารกจะต้องใช้ปอดทำงานแทนรกภายหลังคลอด ระบบการไหลเวียนโลหิตผ่านรกจึงมีการเปลี่ยนแปลง โดยการไหลเวียนทางปอดจะเพิ่มขึ้น รูเปิดและท่อต่าง ๆ จะหมดหน้าที่ ทำให้มีการปิดช่องทางที่ไม่จำเป็น ดังนี้

\r\n


\r\n          1. Foramen Ovale 
เนื่องจากภายหลังทารกคลอดจะมีการเปลี่ยนแปลง โดยถุงลมในปอดจะขยายตัวทำให้ความดันในปอดลดต่ำลง เลือดในหัวใจห้องล่างขวาจะไหลเข้าสู่ปอด โดยผ่านทางเส้นเลือดที่ไปปอดเพิ่มมากขึ้น เลือดจะถูกส่งกลับมาทางหัวใจห้องบนซ้ายมากขึ้น เป็นผลให้ความดันในหัวใจห้องบนซ้ายเพิ่มขึ้น และความดันในหัวใจห้องบนขวาลดลง เลือดจึงไม่สามารถผ่านจากหัวใจห้องบนขวาไปยังหัวใจห้องบนซ้าย Foramen Ovale จึงหมดหน้าที่และปิดสนิทเมื่อทารกอายุได้ประมาณ 3 - 4 เดือน

\r\n


\r\n
          2. Ductus arteriosus  จะหยุดทำงานภายใน 2 - 3 วันแรกคลอด และปิดสนิทเมื่ออายุได้ 2 เดือน การปิดขึ้นอยู่กับความเข้มข้นของออกซิเจนในเลือด เมื่อเลือดมีความดันออกซิเจนสูงถึง 50 มิลลิเมตรปรอท ไหลผ่านเข้าไปใน Ductus arteriosus จะทำให้ผนังเกิดการตีบตันและปิดลง

\r\n


\r\n          3. Dustus venosus   จะหยุดทำงานทันทีแรกคลอด และปิดสนิทเมื่ออายุได้ 2 เดือน การปิดขึ้นอายุได้ 2 เดือน โดยกลายเป็น Ligament venosum ยึดระหว่าง Portal vein กับ inferior vena cava

\r\n


\r\n          4. Umbilical vein  
เมื่อทารกคลอดและสายสะดือถูกตัด ทำให้เกิด Thrombosis และกลายเป็น Fibrous cord ที่เรียกว่า Ligamentum teres

\r\n


\r\n          5. Umbilical arteries   เมื่อทารกคลอดจะเหี่ยวแห้งกลายเป็น Ligament ยึดระหว่าง กระเพาะปัสสาวะกับสะดือ

\r\n 

\r\n


\r\n     1.2.2  ชีพจรและการเต้นของหัวใจ   อัตราการเต้นของหัวใจจะเปลี่ยนแปลงได้ตั้งแต่ 100 - 160 ครั้ง/นาที และอาจไม่สม่ำเสมอใน 2 - 3 วันแรก เนื่องจากศูนย์ควบคุมการหายใจที่ Medulla ยังเจริญไม่ดี อาจฟังได้ยินเสียง Murmur เพราะการปิดของ Shunt ยังไม่สมบูรณ์ การเต้นของหัวใจจะช้าในขณะทารกหลับและเร็วขึ้นถ้าทารกมีการเคลื่อนไหว เมื่อทารกอยู่นิ่ง ๆ จะฟังได้ยินเสียงสม่ำเสมอ ถ้าทารกมีการเต้นของหัวใจเร็วกว่า 180 ครั้ง/นาที ถือว่าหัวใจเต้นเร็ว การประเมินทารกโดยการคลำชีพจรที่ขมับ หรือคลำที่หน้าแขนได้เบาหรือไม่ได้อาจมีความผิดปกติของระบบหัวใจและหลอดเลือดได้

\r\n


\r\n
     1.2.3 ความดันโลหิต ในวันแรก ๆ หลังคลอด Systolic pressure เท่ากับ 50 - 60 มิลลิเมตรปรอท โดยใช้เครื่องวัดเฉพาะจากมอนิเตอร์ต่าง ๆ ต่อมาประมาณวันที่ 4 จะสูงขึ้นเป็น 60 - 80 mmHg. และค่า Diastolic pressure ได้ 40 - 50 mmHg. การวัดความดันโลหิตเพื่อให้ได้ค่าที่แน่นอนถูกต้องควรใช้ Cuff กว้าง 1 นิ้ว หรือประมาณ 2/3 ของความยาวของต้นแขนทารก และถ้าใช้ doppler ultrasound หรือ dinamap จะทำให้ได้ค่าที่ตรงที่สุด แต่ต้องพิจารณาเพราะเมื่อทารกร้องไห้ความดันโลหิตจะสูงขึ้นและค่าที่อ่านได้มักจะไม่แน่นอน

\r\n


\r\n     1.2.4 เลือด  เกี่ยวกับเลือดพบมีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ  ตัวอย่างเช่น

\r\n


\r\n          Red Blood cell  ชนิดมีนิวเคลียส พบประมาณ 3-10% และจะหมดไปหลังทารกอายุ 5 วัน เม็ดเลือดแดงมีขนาดประมาณ 8.5 ไมครอน และขนาดจะค่อย ๆ เล็กลงจนเท่ากับผู้ใหญ่เมื่ออายุ 6 เดือน

\r\n


\r\n          Heamatocrite  ในสายสะดือมีประมาณ 45 - 60% ค่าเฉลี่ย 47% และเพิ่มขึ้นเป็น 51% ในสัปดาห์แรกหลังจากนั้นจึงค่อย ๆ ลดลง

\r\n


\r\n           White Blood cell    มีประมาณ 1 - 3 หมื่น/ลูกบาศก์มิลลิเมตร ประกอบด้วย neutrophills 40 - 80% ส่วนมากเป็น segmental neutrophils เม็ดเลือดขาวจะลดลงเล็กน้อยหลังสัปดาห์แรก ค่าเฉลี่ยประมาณ 9,700 - 12,000 ลูกบาศก์มิลลิเมตร ในปลายเดือนแรกจะมี lymphocyte จำนวนมาก ส่วน eosinophill และ monocyte ในสายสะดือพบน้อยกว่า   เมื่อทารกโตขึ้นเม็ดเลือดขาวมี phagocytosis ปกติ

\r\n


\r\n       Blood sugar   พบว่าภายใน 72 ชั่วโมงแรกเกิด มีค่าเกินกว่า 30 mg%หลังจากนั้นระดับน้ำตาลจะมากกว่า 41 mg%
\r\n         

'),(3,1,'1.3 ประสาทความรู้สึก','

          ประสาทสัมผัสและความรู้สึก  ทำหน้าที่และมีพัฒนาการต่าง ๆ ดังนี้

\r\n


\r\n
          1.การเห็น (Vision)  สามารถมองเห็นได้ตั้งแต่แรกเกิด ภายในระยะทาง 8 นิ้ว ตรงกลางของลานสายตาหรือตรงด้านหน้า เนื่องจากขอบเขตจำกัดเฉพาะของการมองเห็นของทารก เมื่อมีแสงจ้ามากระทบจะกระพริบตา เนื่องจากเป็นปฏิกิริยาของ pupil ต่อแสง ต่อมน้ำตายังไม่ทันทำหน้าที่จนกระทั่งอายุได้ 2 - 4 สัปดาห์

\r\n


\r\n          2. การได้ยิน (Hearing) ทารกสามารถได้ยินทันทีเมื่อน้ำคร่ำไหลออกจากหู โดยสามารถรับรู้เสียงดังถึง 90 เดซิเบล แต่ไม่สามารถแยกทิศทางของเสียงได้ เมื่อได้ยินเสียงดัง เสียงที่มีความถี่สูงจะมีผลทำให้ทารกแสดงปฏิกิริยาสะดุ้งผวาและร้องไห้ ถ้าได้ยินเสียงดังในขณะที่ร้องไห้จะหยุดร้องไห้และสนใจต่อเสียงนั้น เสียงที่มีความถี่ต่ำจะทำให้ทารกสงบ หยุดร้องไห้ และทารกจะมีความไวในการรับรู้เสียงคนโดยไม่ต้องเป็นเสียงพูดเสมอไป

\r\n


\r\n          3.การได้กลิ่น (Smell)  หลังจากดูดเมือกหรือน้ำคร่ำออกจากจมูก ทารกจะได้กลิ่นทันที โดยจะแสดงปฏิกิริยาเข้าหากลิ่นหอม และหันหน้าหนีกลิ่นฉุนหรือกลิ่นที่รุนแรง

\r\n


\r\n          4.การรับรส (Tastes)  ประสาทรับรสกระจายอยู่ที่ปลายลิ้นเป็นส่วนใหญ่ สามารถแยกรสต่าง ๆ ได้ดีตั้งแต่แรกเกิด

\r\n


\r\n          5.การสัมผัส (Touch) ทารกจะมีความรู้สึกต่อการสัมผัสเป็นอย่างดีตั้งแต่แรกเกิด โดยเฉพาะช่วง 30 - 45 นาทีแรก ทารกจะมีการตื่นตัวต่อการสัมผัสมาก เรียกว่า sentitive period บริเวณที่ไวต่อความรับรู้มากกว่าส่วนอื่น ๆ คือ ปาก ลิ้น หู หน้าผาก มือหรือส้นเท้า ทารกจะมีความรู้สึกต่อความเจ็บปวด สัมผัสที่นุ่มนวลแผ่วเบา จะทำให้ทารกสงบ เงียบ มีความสุข

\r\n


\r\n
\r\n
ระดับความรู้สึกของทารก (State of consciousness)

\r\n

การรู้สึกตัวทารกแรกเกิด แบ่งออกเป็นระยะต่าง ๆ 6 ระยะ คือ

\r\n


\r\n
\r\n          1. ระยะสงบหรือหลับสนิท ทารกจะไม่มีการเคลื่อนไหวร่างกาย การหายใจเป็นปกติ

\r\n


\r\n          2. ระยะเริ่มตื่น มีการสะดุ้ง หลับตา แต่มีการเคลื่อนไหวของตาอย่างรวดเร็ว การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอยู่กับการตอบสนองต่อสิ่งกระตุ้น

\r\n


\r\n          3. ระยะงัวเงีย อาจลืมตาหรือหลับตา มีการกระพริบของหนังตา ระดับการเคลื่อนไหวแตกต่างกัน มีการสะดุ้งเป็นครั้งคราวและการตอบสนองต่อสิ่งกระตุ้นล่าช้า

\r\n


\r\n          4. ระยะตื่นตัวเงียบๆ ทารกจะลืมตามีการเคลื่อนไหวเล็กน้อยอยู่กับสิ่งกระตุ้น

\r\n


\r\n          5. ระยะตื่นตัว ทารกจะลืมตา มีการเคลื่อนไหวของร่างกายมาก อาจสะดุ้งซึ่งเป็นการตอบสนองต่อสิ่งกระตุ้นเพิ่มขึ้น ระยะนี้เป็นช่วง 15 - 30 นาทีหลังคลอด
\r\n

\r\n

 

\r\n

          6. ระยะร้องไห้ ความรุนแรงของการร้องไห้สามารถทำให้หยุดได้ยากด้วยสิ่งกระตุ้น
\r\n

\r\n

\r\n

\r\n
\r\nภาพวิดีโอแสดงระดับความรู้สึกตัวของทารกในระยะงัวเงีย
\r\n


\r\n 

\r\n

 

'),(4,1,'1.4 ระบบทางเดินอาหาร','

       1.4  ระบบทางเดินอาหาร   อวัยวะต่างๆ ทำหน้าที่ ดังนี้

\r\n


\r\n          1. ปาก พบว่า  ต่อมน้ำลายเริ่มทำหน้าที่เพียงเล็กน้อย ช่วยให้ปากและคอชุ่มชื้น แต่ยังย่อยอาหารได้น้อย อาหารอยู่ในปากเป็นระยะเวลาที่สั้น และจะกลืนรวดเร็ว

\r\n


\r\n          2. กระเพาะอาหาร  มีความจุประมาณ 10 - 20 ml. เมื่ออายุมากขึ้น ความจุจะมากขึ้น ระยะเวลาที่อาหารผ่านกระเพาะจะสั้นประมาณ 2.5 - 3 ชั่วโมง แต่ลำไส้จะเคลื่อนไหวเร็ว ทารกจึงรับประทานอาหารได้ไม่ยากและหิวบ่อย น้ำย่อยสามารถสร้างได้ค่อนข้างดี แต่มีคุณสมบัติเป็นกลาง และจะค่อยๆ เปลี่ยนเป็นกรดตามอายุทารกที่เพิ่มขึ้นแต่ละวัน

\r\n


\r\n          3. ลำไส้  สำไล้เล็กมีอัตราการเจริญเร็วกว่าลำไส้ใหญ่ ลำไส้จะยาวเป็น 6 เท่าของความสูงของทารก การทำงานของ secretory cell ขึ้นอยู่กับความเป็นกรดด่างภายในลำไส้ pancreatic lipase สามารถย่อยอาหารไขมันได้ค่อนข้างดี แต่มีการดูดซึมจำกัด การสร้าง amylase ยังไม่ดี ต้องใช้เวลาประมาณ 3 เดือน จึงจะมากเพียงพอ ในการย่อยอาหารประเภทแป้ง หลังเกิด 2 - 3 ชั่วโมง จะได้ยินเสียงลำไส้เคลื่อนไหวทุก 10 - 30 วินาที ในลำไส้ทารกแรกเกิดไม่มีเชื้อแบคทีเรีย แต่สามารถพบเชื้อได้ภายหลังคลอด 5 ชั่วโมง และเมื่อทารกมีอายุได้ 24 ชั่วโมงสามารถเพาะเชื้อได้ในทารกทุกคน

\r\n


\r\n          4. ตับ สัปดาห์แรกหลังคลอดตับทำหน้าที่ได้ไม่ดี เนื่องจากหลอดเลือดดำในตับหนาและแคบ ตับทำหน้าที่ได้จำกัด ได้แก่ 
ความสามารถในการ conjugate bilirubin ยังไม่ดีเนื่องจาก ไม่มี receptor ในการนำบิลิรูบิน เข้าไป conjugate ที่ตับ แต่ เมื่อทารกอายุได้ 2 สัปดาห์ จึงจะมีระดับเท่ากับผู้ใหญ่  นอกจากนี้ การควบคุมระดับน้ำตาลยังไม่ดี เนื่องทารกแรกเกิดมีเอนไซม์ ไม่เพียงพอในการช่วยเก็บหรือปล่อยกลูโคสออกจากที่เก็บ (glycogen) และในการสร้างกลูโคสจากกรดอะมิโน จึงอาจเกิดภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำได้  

\r\n


\r\n          5. การขับถ่ายอุจจาระ ทารกแรกเกิดจะขับถ่ายอุจจาระครั้งแรกภายใน 24 ชั่วโมง และกลืมลมเข้าไปขณะร้องไห้ ลมจะผ่านไปในลำไส้ใหญ่ ในเวลาประมาณ 8 - 10 ชั่วโมง อุจจาระของทารกในแต่ละรายจะแตกต่างกันดังนี้  ระยะแรก  ทารกจะถ่ายเป็น 
ขี้เทา (maconium) เป็นสารสีเขียวค่อนข้างดำอยู่ในลำไส้ใหญ่ มีลักษณะเหนียวข้น ไม่มีกลิ่นรุนแรง ขี้เทาประกอบด้วยสารคัดหลั่ง จากต่อมภายในลำไส้ น้ำดี เส้นผมและเซลล์บุผิวในน้ำคร่ำที่ทารกกลืนเข้าไป ขี้เทาจะถูกขับออกมาตั้งแต่แรกเกิดถึง 2 - 3 วัน ต่อมาอุจจาระจะเริ่มเปลี่ยนสี และลักษณะไปตามชนิดของน้ำนมที่ได้รับ ถ้าทารกไม่ได้รับน้ำนมเลย อาจใช้เวลาถึง 7 วัน จึงจะขับถ่ายขี้เทาออกหมด  และอุจจาระที่เปลี่ยนแปลงสีและลักษณะไปจากขี้เทา  (Transition stool) คือ เริ่มมีสีเขียวปนเหลือง จนกระทั่งเป็นสีน้ำตาลออกเหลือง  มีความเหนี่ยวน้อยกว่าขี้เทาและมีลักษณะคล้ายกับอุจจาระของทารกที่ท้องเสีย อุจจาระที่เปลี่ยนแปลงทุกวันในสัปดาห์แรก ถ้าทารกได้รับน้ำนมเร็วและจำนวนมากเพียงพอก็จะถ่ายปกติใน 3 - 4 วัน ทารกที่ได้รับนมมารดาหรือนมผสม อุจจาระจะมีลักษณะเฉพาะ ตามนมที่ได้รับ 
\r\n 

\r\n\r\n \r\n \r\n \r\n \r\n \r\n \r\n \r\n \r\n
\"\"
\r\n
ภาพแสดง การถ่ายขี้เทาของทารก
\r\n
\r\n


\r\n 

'),(5,1,'1.5 ระบบทางเดินปัสสาวะ','

         1.5  ระบบทางเดินปัสสาวะ

\r\n

                  แรกเกิดจนถึงอายุ 1 ปี ไตมีการพัฒนาการยังไม่สมบูรณ์ โดยพบว่ามี nephron 1 ล้านหน่วย และมีน้ำปัสสาวะอยู่ในกระเพาะปัสสาวะประมาณ 16 - 44 ml.ทารกจะถ่ายปัสสาวะทันทีหรือภายในเวลา 24 ชั่วโมง แต่ไม่ควรเกิน 48 ชั่วโมง ปัสสาวะที่ถ่ายครั้งแรกจะใส สีเหลืองอ่อน ไม่มีกลิ่น บางครั้งพบสีเหลืองอมชมพูหรือมีสีแดงคล้ายอิฐ (Brick dust like) เนื่องจากมี uric acid crystal ต่อมาทารกจะสร้างปัสสาวะประมาณ 20 มิลลิเมตร วันแรก ๆ กระเพาะปัสสาวะ จะมีขนาดเล็กจึงถ่ายปัสสาวะบ่อยครั้ง ระบบปัสสาวะยังทำหน้าที่ไม่ดีเท่ากับผู้ใหญ่เนื่องจากความแตกต่างของ nephron ที่ทำหน้าที่ยังไม่สมบูรณ์

\r\n


\r\n          
ไตยังคงทำหน้าที่ได้ไม่สมบูรณ์จากการที่ glomerus มีขนาดเล็กและหลอดไตสั้น เส้นเลือดที่ตีบรวมกับการมีแรงต้านในหลอดเลือดไตสูง ทำให้เลือดไปเลี้ยงไตได้เพียงหนึ่งในสามของผู้ใหญ่ มีผลต่ออัตราการกรอง การดูดซึมและการขับออกของหลอดไต อัตราการกรองที่ไตของทารกเท่ากับ 25% ของผู้ใหญ่ และจะเท่ากับ 50% เมื่อทารกอายุได้ 1 สัปดาห์ proximal tubules ที่สั้น ทำให้ไตไม่สามารถดูดซึมกลับสารที่สำคัญไว้ได้ คือ กลูโคส กรดอะมิโน ฟอสเฟตและไบคาร์บอเนต การดูดซึมกลับของกลูโคสมีประมาณ 1/5 ของผู้ใหญ่ การดูดซึมกลับของกรดอะมิโมและฟอสเฟสต่ำ ส่วนไบคาร์บอเนตจะอยู่ระหว่าง 17 - 21 มิลลิโมล/ลิตร

\r\n

             เมื่อตรวจปัสสาวะจึงอาจพบน้ำตาลและโปรตีนได้ มีโอกาสเกิดภาวะความเป็นกรดในร่างกายได้ง่าย โดยเฉพาะเมื่อได้รับนมที่มีโปรตีนสูง จะเกิด metabolic acidosis ได้ loops of handle , distal และ collecting tublues สั้น ร่วมกับการมีระดับของ antidiuretic hormone ต่ำ ทารกแรกเกิดไม่สามารถทำให้ปัสสาวะเข้มข้นได้จึงเกิดการขาดน้ำได้ง่าย ถ้าขาดน้ำมากๆ ทารกอาจมีไข้ต่ำ ๆ เรียก dehydration fever ทารกแรกเกิดมีปริมาณน้ำในร่างกาย น้ำหนักตัว มากกว่าผู้ใหญ่ โดยมีน้ำเป็นส่วนประกอบอยู่ 70 - 80% ส่วนใหญ่เป็นน้ำนอกเซลล์ แต่การทำงานของไตยังไม่ดี ทำให้ทารกทนต่อการเปลี่ยนแปลงปริมาณน้ำและอิเลคโทรไลต์ไม่ดีเท่ากับผู้ใหญ่ ระยะ 2 - 3 วันแรกเกิดน้ำหนักตัวจะลดลงประมาณร้อยละ 6 - 10 จากการเสียน้ำออกไป หลังจากนั้นจะค่อย ๆ เพิ่มขึ้น อัตราการลดหรือเพิ่มเกี่ยวข้องโดยตรงกับจำนวนน้ำที่ทารกได้รับ น้ำหนักจะลดลงน้อยถ้าไดรับน้ำหรือนมเร็ว
\r\n

'),(6,1,'1.6 ระบบต่อมไร้ท่อ','

          1.6  ระบบต่อมไร้ท่อ  

\r\n

           ทารกแรกเกิดจะมี pituitary thyroid และ pituitary adrenal ทำงานได้ดี สามารถสร้าง growth hormone ได้เองเป็นปกติ adrenal cortex ค่อนข้างใหญ่ สามารถสร้าง cortisal ได้เป็นปกติ และ thyroid gland ทำงานเป็นปกติ thyroxine bound protein สูง จึงพบ T4 และ PBI สูงในสัปดาห์แรก พบเต้านมที่มีลักษณะ hyperthophy ได้ จากการกระตุ้นของ prolactin และในวันที่ 3 หลังเกิด อาจพบเลือดออกจากช่องคลอดได้
\r\n     

\r\n

        ACTH เริ่มพบใน Fetal pituitary gland เมื่อ 7 สัปดาห์ของการตั้งครรภ์ และก่อนปลายสัปดาห์ที่ 17 Pituitary gland ของทารกสามารถสร้างและเก็บ Pituitary hormones ได้ทุกชนิด พบ Growth hormone GH ในเลือดจากสายสะดือทารกปริมาณมาก แต่บทบาท ของ GH ต่อการเจริญเติบโต และพัฒนาของทารกในครรภ์ยังไม่ชัดเจน เนื่องจาก ในทารกที่เป็น Anencephaly ที่มีขนาด Pituitary gland เล็กก็มีขนาดและน้ำหนักไม่แตกต่างจากทารกในครรภ์ทั่วไป 

\r\n


\r\n     Fetal intermediate pituitary gland ในทารกในครรภ์พบ Intermediate lobe ของ Pituitary gland ซึ่งไม่พบในระยะ หลังคลอด สารสำคัญที่หลั่งจากส่วนนี้คือ a-melanocyte - stimulating hormone (a-MSH) และ b-endorphin โดยพบว่าระดับ a-MSH ลดลงตามอายุครรภ์ 

\r\n


\r\n     
Thyroid hormone จากมารดาผ่านรกได้น้อยมาก Triodo-thyronine ผ่านรก ได้ดีกว่า Thyroxine Thyroid hormones มีบทบาทต่อทารกในครรภ์น้อยมาก เนื่องจาก ทารกในครรภ์ที่ไม่มีต่อมธัยรอยด์ก็เจริญเติบโตได้ปกติ และเนื้อเยื่อของทารกบางชนิด เท่านั้นที่สามารถตอบสนองต่อ Thyroid hormone เช่น สมอง และปอด
\r\n       หลังคลอดจะเกิดการเปลี่ยนแปลงการทำงานและ Metabolism ของต่อมธัยรอยด์อย่างมากสภาพอากาศที่เย็นกระตุ้นให้เกิดการหลั่งของ Thyrotropin จำนวนมาก ทำให้ระดับของ Thyroxine และ Triiodo-thyronine ในเลือดเพิ่มสูงสุด 24-36 ซม.หลังคลอด 

\r\n


\r\n     

'),(7,1,'1.7 อุณหภูมิของร่างกาย','

          1.7  อุณหภูมิของร่างกาย

\r\n

          การสร้างความร้อนของร่างกายทารกแรกเกิดมีอย่างเพียงพอจากการเผาผลาญของไขมัน  โดยเฉพาะ brown fat ที่รอบคอระหว่างกระดูกสะบักหลัง กระดูกสันอก รอบไตและต่อมหมวกไต ซึ่งมี mitocondrial cytochromes เป็นส่วนประกอบจำนวนมาก brown fat ให้ความร้อนสูงกว่า adipose tissue ในเวลา 1 นาที brown fat 1 กรัม จะให้พลังงาน 2.5 แคลอรี่ ไปสู่ส่วนต่าง ๆ ของร่างกายทางกระแสเลือด บริเวณที่กระแสเลือดผ่านจะได้รับความร้อน การสร้างความร้อนโดยการเพิ่ม metabolic activity นี้ ร่างกายทารกต้องใช้พลังงานและออกซิเจนเพิ่มมากขึ้น

\r\n


\r\n          ศูนย์ควบคุมความร้อนของทารกยังเจริญไม่สมบูรณ์และทำงานได้ไม่เต็มที่ อุณหภูมิของร่างกายจึงมีการเปลี่ยนแปลงได้ง่าย การมีพื้นที่ผิวกายกว้างเมื่อเทียบกับน้ำหนักตัว ทำให้มีโอกาสสูญเสียความร้อนได้ง่าย มีความสมดุลร่างกายจะรักษาอุณหภูมิให้อยู่ในระดับปกติได้ แต่ถ้าอัตราการสูญเสียความร้อนมากกว่าอัตราการผลิตความร้อน อุณหภูมิของร่างกายจะลดลง

\r\n

          อุณหภูมิที่ผิวหนังของทารกจะลดลงอย่างรวดเร็วในช่วงเวลา 5 - 10 นาทีหลังคลอด อัตราเฉลี่ย 0.1 องศาเซลเซียส/ 1 นาที มีผลทำให้อุณหภูมิภายในร่างกายลดลงด้วย   สาเหตุจาก  อุณหภูมิลดลงอย่างรวดเร็วเนื่องจากความแตกต่างระหว่างอุณหภูมิของผิวหนังและอุณหภูมิของอากาศภายนอกครรภ์มารดา ซึ่งเย็นกว่าอุณหภูมิภายในมดลูกที่ทารกเคยอยู่ อุณหภูมิในห้องคลอดเมื่อแรกเกิดมักจะต่ำประมาณ 25 - 26 องศาเซลเซียส จากการใช้เครื่องปรับอากาศและจากการสูญเสียความร้อนผ่านทางผิวหนังที่เปียกชื้นด้วยน้ำคร่ำ หรือจากการเปิดเผยร่างกายทารกนานเกินความจำเป็นทารกจึงสูญเสียความร้อนด้วยการนำ การพา การระเหย และการแผ่รังสี
\r\n
 

\r\n\r\n \r\n \r\n \r\n \r\n \r\n \r\n \r\n \r\n
\"\"
\r\n
ภาพแสดงการวัดอุณหภูมิของทารก
\r\n
'),(8,1,'1.8 เครื่องห่อหุ้มร่างกาย','

          1.8  เครื่องห่อหุ้มร่างกาย

\r\n

        1. ผิวหนัง (skin) การทำหน้าที่ป้องกันอันตราย ป้องกันแสง ช่วยทำให้ความร้อนในร่างกายคงที่และหน้าที่อื่นๆ ของทารกยังไม่ดี ผิวหนังชั้น epidermis และ dermis เมื่อแรกเกิดจะยึดติดกันอย่างหลวมๆ และบางมาก มีการเปลี่ยนแปลงง่าย ถ้ามีการเสียดสีชั้น epidermis จะทำให้เกิดการแยกตัวของชั้น epidermis เกิดเป็นตุ่มพอง ผิวหนังทารกจะหนา 1 มม. และหนาเป็น 2 เท่าเมื่อเจริญเต็มที่

\r\n


\r\n          2. ผมหรือขน (hair) แรกเกิดจะมีขนอ่อนอยู่ตามหลังและไหล่ส่วนผมอ่อนจะแตกต่างกันไปตามแต่ละบุคคล และจะหลุดร่วงเมื่ออายุ 2 - 3 เดือน จึงมีผมเกิดขึ้นแทนที่

\r\n


\r\n          3. ต่อมไขมัน (Sebaceous gland) มีความหนาแน่นบริเวณหนังศีรษะ ใบหน้าและอวัยวะสืบพันธุ์ ส่วนตามตัว แขน ขา มีเพียงเล็กน้อย ฝ่ามือและฝ่าเท้าไม่มีต่อมไขมัน เมื่ออยู่ในครรภ์มารดาก่อนคลอด 3 เดือน ต่อมไขมันจะสร้างและหลั่งไขมันที่เรียกว่า vernix caseosa มาปกคลุมตัว ทำหน้าที่เป็นฉนวนและ bacteriostatic

\r\n

หลังคลอดต่อมไขมันจะค่อยๆ ทำงานลดลง ไขมันที่สร้างออกมาในระยะแรกเกิดอาจทำให้เกิดเป็น cradlecap หรือ seborrheic dermatitis ได้ แต่ไม่เป็นปัญหารุนแรง

\r\n

 

\r\n

          4. ต่อมเหงื่อ (sweat gland) ภายหลังคลอด 2 - 3 วันหลังคลอดไปแล้ว eccrine sweat gland จะทำหน้าที่เป็นส่วนหนึ่งของระบบควบคุมความร้อนภายในร่างกาย แต่ apocrine sweat gland ที่รักแร้ อวัยวะสืบพันธุ์และทวารหนัก จะไม่ทำหน้าที่ในช่วงวัยทารก
\r\n
 

\r\n\r\n \r\n \r\n \r\n \r\n \r\n \r\n \r\n \r\n \r\n
\"\"\"\"
\r\n
ภาพแสดงลักษณะขนและไขของทารกแรกเกิด
\r\n
\r\n


\r\n 

'),(9,2,'2.1 วัดสัญญาณชีพ และสัดส่วนของร่างกาย','
 
\r\n

          ทารกแรกเกิดทุกคน เมื่อแรกเกิดควรได้รับการชั่งน้ำหนัก วัดความยาวจากศีรษะจรดส้นเท้า เส้นรอบศีรษะส่วนกว้างที่สุด (fronto-occipital circumference) อัตราการหายใจและการเต้นของหัวใจ อุณหภูมิร่างกาย 

\r\n

กระโหลก    ประกอบด้วยกระดูกต่าง ๆ ดังนี้ 
\r\n          1. กระดูก Frontal 2 ชิ้น
\r\n          2. กระดูก Parietal 2 ชิ้น
\r\n          3. กระดูก Occipital 1 ชิ้น
\r\n          4. กระดูก Temperal 2 ชิ้น

\r\n


\r\nรอยต่อระหว่างกระดูก ( Suture ) ที่สำคัญในการคลอด ได้แก่
\r\n          1. Frontal Suture อยู่ระหว่างกระดูก Frontal 2 ชิ้น
\r\n          2. Coronal Suture อยู่ระหว่างกระดูก Frontal และกระดูก Parietal
\r\n          3. Sagital Suture อยู่ระหว่างรอยต่อแสกกลาง อยู่ระหว่างกระดูก Parietal
\r\n          4. Lambdoid Suture อยู่ระหว่างกระดูก Parietal และ Occipital

\r\n


\r\nขม่อม (Frontanel) คือ บริเวณรอยต่อของกระดูกมาบรรจบกัน ได้แก่
\r\n          1. ขม่อมหน้า (Anterior frontanel ) มีรูปร่างสี่เหลี่ยมข้าวหลามตัด เพราะมีรอยต่อ 4 อันมาบรรจบกัน ได้แก่ รอยต่อ Frontal ทั้งสอง รอยต่อ Coronal และ รอยต่อ Sagital
\r\n          2. ขม่อมหลัง (Posterior frontanel) มีรูปร่างสามเหลี่ยม แยกออกเป็น 3 แฉก เพราะประกอบด้วย 3 รอยต่อมาบรรจบกันโดย ได้แก่ รอยต่อ lambdoid ทั้งสองและรอยต่อ Sagital ส่วนต่าง ๆ ของศีรษะเด็กสำคัญมากเพราะเกี่ยวข้องกับความเข้าใจ Presentation และ Position

\r\n


\r\nขนาดรูปร่างของส่วนต่าง ๆ ของหัวเด็ก
\r\n          1. Biparietal อยู่ระหว่างส่วนนูนที่สุดของกระดูก parietal เป็นส่วนที่ใหญ่ที่สุดของหัว ไม่ว่า เด็กจะก้มหรือเงยมากน้อยเพียงใด 

\r\n

          2. Bitemperal อยู่ระหว่างส่วนที่กว้างที่สุดของกระดูก Temperal 

\r\n

          3. Suboccipito - Bregmatic (SOB) คือ ส่วนที่อ้อมหัวเด็ก จากบริเวณใต้ท้ายทอยทางด้านหลัง และบริเวณขม่อมทางด้านหน้า 

\r\n

          4. Suboccipito - frontal ( SOF ) คือ ส่วนที่อ้อมรอบหัวเด็ก จากบริเวณใต้ท้ายทอยทางด้านหลังไปยังบริเวณส่วนที่นูนที่สุดของกระดูก Frontal 

\r\n

          5. Occipito - frontal (OF) คือ ส่วนที่หัวเด็ก จากบริเวณส่วนที่นูนที่สุดบนกระดูก Occcipital อ้อมรอบหัวไปผ่าน ส่วนที่นูนที่สุดของหัวทางด้านบน Frontal bone 

\r\n

          6. Occipito - mental (OM) คือ ส่วนของเด็กจากบริเวณคางอ้อมรอบหัวผ่านส่วนที่กว้างที่สุดของหัว ซึ่งอยู่บริเวณขม่อมหลังหรือส่วนล่างของ Vertex 

\r\n

          
\r\n          ส่วนที่ใหญ่ที่สุดในการคลอดท่าหน้า ขณะที่หัวเด็กผ่านปากช่องคลอดออกมา ส่วนของลำตัวเด็ก แบ่งออกเป็น
\r\n          1. ไหล่ มีลักษณะ แบนยาว ทางด้านข้างมีความยาวที่สุด ได้แก่ ส่วนของ Bisacrominal

\r\n

          2. ทรวงอก สามารถถูกบีบให้เล็กลงได้ ขณะผ่านลงมาในทางคลอด เช่นเดียวกับไหล่ 

\r\n

          3. ส่วนท้อง ขนาดไม่แน่นอน เด็กบางรายอาจมีภาวะท้องมาน ทำให้มีขนาดใหญ่กว่าหัวและไหล่มาก แต่โดยทั่วไปแล้วจะมีขนาดเล็กกว่าทรวงอก

\r\n

          4. ก้น มีลักษณะยาวทางด้านข้าง ซึ่ง ได้แก่ ส่วน Bitrochanteric หรือ Bisilac
\r\n

\r\n\r\n \r\n \r\n \r\n \r\n \r\n \r\n \r\n \r\n \r\n
\"\"\"\"
\r\n
ภาพแสดงการวัดรอบศรีษะ(OF, Biparietal)
\r\n
\r\n


\r\n 

'),(10,2,'2.2 การตรวจลักษณะทั่วไป','

          2.2  การตรวจลักษณะทั่วไป

\r\n

        โดยสังเกตดูลักษณะสีผิว ความผิดปกติที่เห็นได้ชัดเจนตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า ได้แก่  ความสมบูรณ์ของร่างกาย รูปร่างอ้วนหรือผอม  ประเมินอายุครรภ์ว่าเป็นทารกลักษณะคลอดก่อนกำหนด ครบกำหนด และเกินกำหนด  ประเมินอายุครรภ์เป็นสัปดาห์ถ้าจำเป็นและสามารถทำได้ สังเกตดูว่าทารกหายใจและเสียงร้องผิดปกติหรือไม่ สังเกตท่านอนหรือกำลังกล้ามเนื้อ โดยดูจากการที่ทารกขยับแขนขาและใบหน้าและท่าทางว่าทารกดูเซื่องซึมหรือไม่  สังเกตดูใบหน้าดูว่า ใบหน้าได้รูป สมมาตรกันทั้งสองซีกหรือไม่ ดูลักษณะของใบหน้าของทารกจากใบหู ดวงตา คิ้ว เพื่อเปรียบเทียบกับทารกกลุ่มอาการดาวน์ของทารก สังเกตและใช้มือตรวจดูลักษณะปากแหว่ง เพดานโหว่ สังเกตดูว่าคอเป็นพังผืดหรือไม่ ดูนิ้วมือนิ้วเท้าเกินหรือครบทุกนิ้วหรือไม่ สังเกตการหายใจจากทรวงอกและหน้าท้อง สังเกตและคลำดูแนวกระดูกสันหลังว่าตรงหรือคดงอหรือไม่ 

\r\n

          ทารกแรกเกิดมักจะมีลักษณะศีรษะโตเมื่อเปรียบเทียบกับลำตัว หน้าค่อนข้างกลมและคอสั้นแขนและขาสั้นเมื่อเปรียบเทียบกับผู้ใหญ่ จุดกึ่งกลางของร่างกายจะอยู่ที่บริเวณสะดือ ซึ่งแตกต่างจากผู้ใหญ่โดยเฉพาะบริเวณหัวหน่าว สำหรับทารกแรกเกิดของไทยจะมีน้ำหนักโดยเฉลี่ยประมาณ 3,000 - 3,200 กรัม ความยาวเฉลี่ย 50 ซม. รอบศีรษะประมาณ 32-34 ซม. และขนาดรอบทรวงอกประมาณ 31 - 33 ซม. ทารกปกติจะเคลื่อนไหวได้ทั้งร่างกาย มือและเท้า และมือและเท้ามักจะงอทำให้เหมือนลักษณะของทารกขณะที่อยู่ในครรภ์มารดา
\r\n

\r\n


\r\n 

'),(11,2,'2.3 การตรวจผิวหนัง','

        2.3  การตรวจผิวหนัง

\r\n

      ทารกครบกำหนด   ทารกแรกเกิดปกติจะมีผิวละเอียดอ่อน สีชมพู แดง และมีไขสีขาวคล้ายเนยคลุมผิวหนัง เรียกว่า vernix caseosa และมีไขบนผิว

\r\n

      ทารกเกินกำหนด   อาจเป็นสีเหลืองทองหรือเขียวในกรณีมีขี้เทาปนน้ำคร่ำ และจะดูซีดกว่าทารกครบกำหนด เนื่องจากผิวหนังหนากว่า หากผิวซีดทั้งตัวต้องนึกถึง โรคโลหิตจาง ช็อค อาจพบผิวลอกเป็นแผ่นๆ ได้ทารกโตช้าในครรภ์ หรือมีอาการขาดน้ำ ผิวหนังเหี่ยวย่น

\r\n

      ทารกก่อนกำหนด อาจมีหลังเท้าบวมเล็กน้อยเนื่องจากมีภาวะอัลบูมินต่ำ ส่วนอาการตัวเหลืองจะสามารถมองเห็นได้เมื่อระดับบิลิรูบินในเลือด > 5 มก./ดล.หากพบว่าทารกอายุน้อยกว่า 24 ชม. อาการตัวเหลืองต้องนับว่าผิดปกติ ควรตรวจหาสาเหตุและให้การรักษา ซึ่งมักจะเป็นโรค Rh หรือ ABO hemolytic disease หรือติดเชื้อในครรภ์

\r\n

        สำหรับ   ผื่น บนผิวทารกส่วนใหญ่ไม่อันตรายอย่างใดและมักหายไปได้เอง และมักจะหายไปได้เอง แต่จะทำให้มารดาตกใจและกังวล ผื่นที่พบบ่อย มีดังนี้

\r\n

          Erythema toxicum neonatorum เป็นผื่นแดงราบมีตุ่มนูนตรงกลาง ขนาด 1- 3 มม. คล้ายแมลงกัด อาจเดี่ยวๆ หรือเป็นกลุ่ม ไม่พบเมื่อแรกเกิดแต่พบได้ในช่วงอายุ 3 วันแรก - 2 สัปดาห์ ไม่ทำต้องรักษาจะหายได้เอง
\r\n          Transient neonatal pustural melanosis เป็นผื่นตุ่มหนองขนาดเล็กตื้นๆ พื้นผิวรอบๆ ตุ่มหนองไม่แดง พบได้ตั้งแต่แรกเกิด ส่วนใหญ่เป็นทารกผิวดำจะลอกเป็นขุยบางๆ กลายเป็นจุดสีน้ำตาลเข้มอย่างรวดเร็วและหายได้เองใน 2-3 สัปดาห์ ส่วนใหญ่เกิดที่หน้าผาก ลำคอ ใต้คาง หลัง
\r\n          Harlequin change เป็นปรากฏการณ์ที่พบบ่อยและสะดุดตาในระยะแรกเกิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในทารกแรกเกิดก่อนกำหนด ผิวทารกจะซีดข้างหนึ่งและแดงอีกข้างหนึ่ง แบ่งกันชัดเจนในแนวกึ่งกลางลำตัว เนื่องจากเส้นเลือดที่ผิวหนังหดและพองไม่คงที่เนื่องจากระบบประสาทอัตโนมัติไม่สมบูรณ์ เกิดขึ้นนานแต่ละครั้งเป็นวินาทีหรือนาที ส่วนบนของร่างกายจะเห็นได้ชัดเจนมากกว่า และเห็นได้ชัดเจนยิ่งขึ้นเมื่อเวลานอนตะแคง ไม่มีอันตรายจะหายได้เองใน 3 สัปดาห์
\r\n          Cutis marmorata คือ ผิวหนังลายเป็นร่างแหตามแนวเส้นเลือดพบบ่อยในทารกก่อนกำหนด อาจพบได้มากในทารกกลุ่มอาการดาวน์ ไม่มีอันตรายแต่ต้องวินิจฉัยแยกโรคจากโรคอื่นๆ
\r\n          Milia เป็นถุงเล็กๆ นูนเกิดขึ้นเกิดจากต่อมไขมัน ต่อมรูขุมขน และท่อเหงื่อบนผิวหนังที่อุดตันลักษณะเป็นจุดเหลืองขาวบนผิวปกติ ขนาด 1-2 มม. มีสาร keratin อยู่ภายใน มักเป็นหน้าผาก ใบหน้า คาง บางครั้งพบที่ penis และหายไปได้เอง ภายใน 1- 2 เดือน มักจะอยู่ที่บริเวณจมูก ลอกหายไปได้เอง เช่นกันภายใน 2-3 สัปดาห์ 
\r\n          Mogolian spots เป็นผื่นราบสีน้ำเงินปนเทา ขนาดต่างๆ อาจใหญ่ถึง 10 ซม. พบได้ตั้งแต่แรกเกิด มักอยู่ที่บริเวณบั้นท้าย(ก้น) หรือหลังส่วนหลัง หรอที่ใดๆ บนผิวหนังก็ได้ จะจางหายไปได้เองใน 1-2 ปี โดยไม่ต้องการให้การรักษา พบในคนเอเชียและคนผิวดำ
\r\n          Sebborrheic eczema คือ ผื่นผิวหนังเป็นลักษณะขุยมันเป็นสีเหลือง มีฐานสีแดงอยู่รวมเป็นบริเวณรอยพับ เช่น ใบหู ซอกคอ ศีรษะ ข้อพับ ถ้ามีการติดเชื้อจะเป็นร่องน้ำเยิ้ม ถ้าเกิดบริเวณกลางศีรษะเรียกว่า ซันตุ (Cradle cap) หากเกิดบริเวณใบหน้า เรียกว่า กลากน้ำนม (milk crest) พบได้ 1-2 สัปดาห์ จะหายไปได้เอง 2-3 เดือน
\r\n

\r\n 

\r\n\r\n \r\n \r\n \r\n \r\n \r\n \r\n \r\n \r\n
\"\"
\r\n
Mogolian spot
\r\n
\r\n

 

'),(12,2,'2.4 การตรวจศรีษะ','

          2.4  การตรวจศีรษะ

\r\n

             เมื่อแรกเกิดรูปร่างศีรษะทารกอาจบิดเบี้ยวเนื่องจากมีการจัดโครงร่างกะโหลกศีรษะเพื่อให้ผ่านออกทางช่องคลอด ดังนั้นศีรษะทารกแรกเกิดมักจะมีลักษณะยาวถ้าคลอดโดยส่วนนำเป็นศีรษะ บางครั้งกระดูกกะโหลกศีรษะอาจจะเกยกัน    ส่วนทารกที่คลอดโดยมีส่วนนำเป็นก้นหรือผ่าตัดคลอดทางหน้าท้อง ศีรษะมักจะมีลักษณะกลม อาจพบก้อนที่ศีรษะซึ่งเป็นการบวมน้ำของเนื้อเยื่ออ่อนของหนังศีรษะเกิดจากแรงกดบริเวณนั้นขณะคลอด มักยุบหายไปได้เองภายใน 2-3 วัน ที่เรียกว่า Caput succedaneum  และมักจะหายไปได้เองภายใน 2 - 3 วัน
\r\n
           แต่ต้องแยกระหว่าง cephal hematoma คือ ภาวะเลือดคั่งใต้เยื่อหุ้มกระดูกกะโหลกศีรษะ ซึ่งจะคลำได้ลักษณะคล้ายถุงน้ำนุ่ม ตึงบนกระดูกชิ้นใดชิ้นหนึ่งไม่ข้ามรอยต่อกระดูก มักเป็นที่กระดูก parietal ยุบหายไปเองในเวลาประมาณ 6 สัปดาห์ขึ้นไป ห้ามเจาะออกเพราะจะทำให้ติดเชื้อรุนแรงและเลือดออกมากได้ ควรตรวจขนาดและความตึงของกระหม่อมหน้าและหลัง และรอยประสานระหว่างกระดูกกะโหลกศีรษะ และคลำความอ่อนแข็งของกระดูกโดยทั่วๆ ไป หากกระหม่อมตึงมักเกิดจากสมองบวมหรือเยื่อหุ้มสมองอักเสบหรือโพรงสมองโต ศีรษะที่มีลักษณะผิดปกติบางอย่างเกิดขึ้นชั่วคราวตามธรรมชาติ อาจเกิดจากการบาดเจ็บหรือจากการคลอด
\r\n

\r\n
 

\r\n\r\n \r\n \r\n \r\n \r\n \r\n \r\n \r\n \r\n \r\n \r\n
\"\"\"\"
\r\n
ศรีษะทารกที่ผ่าตัดคลอด
\r\n
\r\n
ศรีษะทารกที่คลอดปกติ
\r\n
'),(13,2,'2.5 การตรวจใบหน้า','

         2.5    การตรวจใบหน้า 

\r\n

       โดยปกติใบหน้าทั้ง 2 ซีกจะเหมือนกัน ถ้าระหว่างตั้งครรภ์ใบหน้าถูกกดจากหัวไหล่ ข้อมือหรือส่วนอื่นจะทำให้ใบหน้าทั้ง 2 ซีกดูไม่เหมือนกันได้ ที่พบบ่อยที่สุด คือ มักถูกกดบริเวณคางและแก้มลักษณะนี้จะค่อยๆ หายไป ในกรณีที่คลอดโดยใช้คีมดึง ควรตรวจสอบดูว่าใบหน้าทั้ง 2 ซีกที่ไม่เหมือนกันนั้น อาจเกิดจาก facial nerve เป็นอัมพาตจากการคลอดได้   

\r\n

       ทารกแรกเกิดมักจะหลับตาอยู่ตลอดเวลา ควรตรวจตาโดยเมื่อบังแสงสว่างให้น้อยลง ทารกจะค่อยๆ ลืมตาขึ้นเอง หรือถ้าให้นั่งจะเป็นรีเฟลกซ์ให้ทารกลืมตาเองได้ ถ้าตรวจดูเยื่อบุตาอาจพบมีเลือดใต้เยื่อบุตา ( Subconjuntival haemorrhage ) โดยเฉพาะทารกที่มีประวัติคลอดยาก

\r\n

        ควรตรวจใบหู  เพื่อดูความผิดปกติ การตรวจเยื่อแก้วหูจะเห็นได้ง่ายเพราะรูหูตื้นและค่อนข้างตรง ถ้าตรวจจมูกพบสิ่งขับมากกว่าปกติ ควรใส่สายยางเล็ก ๆ ผ่านทางรูจมูกเพื่อตรวจดูว่ามี Choanal atresia หรือไม่ หากมี จะใส่สายยางทางจมูกไม่ได้ หรือใช้วิธีหยด gentian violet ลงในรูจมูก  ถ้าไม่อุดตันจะพบว่าน้ำกลายเป็นสีม่วงและพบในกระเพาะอาหารได้

\r\n

        ควรตรวจภายในปาก เพื่อดูลักษณะเพดาน อาจพบเพดานโหว่ หรืออาจพบ retention cyst ได้ที่เหงือกและบริเวณตรงกลางเพดานที่เรียกว่า Ebstein \' s pearls ซึ่งเป็นเม็ดสีขาวขุ่น   ภายในบรรจุ keratin อยู่ในเพดานปากและเหงือก มักพบตามแนวกึ่งกลางเพดานรอยต่อระหว่างเพดานแข็งและเพดานอ่อน   มัก จะอยู่เป็นกลุ่มก้อนซึ่งจะหายได้เอง ถ้าพบ neonatal teeth งอกออกมาต้องถอนออก เพื่อป้องกันทารกสำลักเข้าปอด   หรือขบเหงือกตนเอง หรือขบหัวนมมารดาจนเลือดออกได้   ทำให้ดูดนมได้ไม่ดี เนื่องจากฟันชนิดนี้มีรากฟันไม่แข็งแรงหรือเป็นแผ่นแคลเซียมบางๆ หลุดง่าย
\r\n

\r\n 

\r\n\r\n \r\n \r\n \r\n \r\n \r\n \r\n \r\n \r\n
\"\"
\r\n
ลักษณะใบหน้าทารกที่มีความสมมาตร
\r\n
'),(14,2,'2.6 การตรวจบริเวณลำคอ','

      2.6  การตรวจบริเวณลำคอ    

\r\n

       กล้ามเนื้อคอ ได้แก่ กล้ามเนื้อ sternocleidomastiod และ trapezius ซึ่งเลี้ยงด้วยเส้นประสาทสมองที่ 11 กล้ามเนื้อ 2 มัดนี้จะช่วยในการเคลื่อนไหวของคอในทิศทางต่างๆ ปกติคองอได้ 45 องศา แหงนได้ 55 องศา และเอียงได้ 40 องศา หมุนได้ 70 องศา สามารถคลำชีพจรหลอดเลือดแดง carotid ได้เบาๆ และหลอดเลือดดำ external jugular จะไม่โป่งพอง 

\r\n


\r\n          ในทารกแรกเกิดมักจะคอสั้นจนดูเหมือนศีรษะวางอยู่บนลำตัว ต้องตรวจดูลักษณะรูปร่างว่าไม่เอียงไปข้างใดข้างหนึ่ง สังเกตดูการเคลื่อนไหวของคอ โดยจับศีรษะของทารกแล้วหันใบหน้าของทารกไปทีละข้าง ปกติจะสามารถจับเหยียดลำคอและงอลำคอได้ นอกจากนี้คลำดูว่าไม่มีก้อนหรือบวมอย่างใด ถ้ามีแผงคอ (webbed neck) คือ การที่ด้านหลังของคอมีรอยพับของผิวหนังที่มากเกินไป ซึ่งมักพบในทารกกลุ่มอาการดาวน์ หรือ  Turner syndrome 

\r\n


\r\n          และผู้ตรวจควรคลำดูกล้ามเนื้อ sternocleidomastiod ว่าเอียงไปข้างใดข้างหนึ่งหรือ กล้ามเนื้อเท่ากันทั้ง 2 ข้างหรือไม่  และกระดูกไหปลาร้าว่ามีการหักหรือไม่ หากมีกระดูกหักมักพบในทารกคลอดยาก ติดไหล่ โดยเฉพาะในรายที่มีส่วนนำเป็นก้นหรือมีประวัติการคลอดยาก ลักษณะความผิดปกติของคอที่พบบ่อย ได้แก่ คอเอียง ( torticollis หรือ wry neck) เกิดจากความยาวกล้ามเนื้อ sternocleidomastiod สั้นกว่าปกติ กล้ามเนื้อเป็นพังผืด หลอดเลือดดำในกล้ามเนื้อผิดปกติหรือบาดแผลจากการคลอด 
\r\n
\r\n
 

\r\n\r\n \r\n \r\n \r\n \r\n \r\n \r\n \r\n \r\n
\"\"
\r\n
ลักษณะคอของทารกส่วนใหญ่จะสั้น
\r\n
\r\n

 

'),(15,2,'2.7 การตรวจท้อง','

         2.7  การตรวจท้อง

\r\n

         โดยทั่วไปทารกแรกเกิดท้องจะป่องเล็กน้อย เนื่องจากกล้ามเนื้อหน้าท้องยังพัฒนาไม่เต็มที่  อาจองเห็นลำไส้เคลื่อนไหวได้ซึ่งพบในทารกก่อนกำหนด   

\r\n

         ในการตรวจลักษณะสะดือทารก ควรสังเกตสีของสะดือ หลอดเลือดของสายสะดือ และตำแหน่งของสายสะดือ ทารกปกติจะมีหลอดเลือดของสะดือ 3 เส้น คือ หลอดเลือดแดง 2 เส้น และหลอดเลือดดำ 1 เส้น นอกจากอาจพบว่าขนาดใหญ่ในทารกที่เกิดจากมารดาที่เป็นเบาหวาน ส่วนทารกที่โตช้าในครรภ์หรือทารกเกินกำหนดมักจะเหี่ยวหรือผอม ถ้ามีน้ำคร่ำปนจะพบสะดือเป็นสีเหลืองปนเขียว

\r\n

         ทารกจะหายใจโดยการเคลื่อนไหวหน้าท้องโดยใช้กระบังลม ดังนั้นทารกที่ท้องอืดจึงมักจะมีอาการหายใจลำบากร่วมด้วย ทารกที่ท้องแฟบควรนึกถึงภาวะไส้เลื่อนกระบังลม ควรตรวจดูความผิดปกติของหน้าท้อง ดูสายสะดือและจำนวนของหลอดเลือด umbilical มักจะคลำตับได้ต่ำกว่าชายโครงขวาไม่เกิน 2 ซม. ส่วนม้ามและไตก็อาจคลำพบได้ในทารกปกติ 

\r\n

          ความผิดปกติของผนังหน้าท้อง ที่พบบ่อย คือ Omphalocele คือ ภาวะของทารกที่มีลำไส้ ตับ และ หรือม้าม เลื่อนผ่านฐานของสะดือออกมาอยู่นอกช่องท้อง อวัยวะที่เลื่อนออกมามีเยื่อใสๆ ห่อหุ้มอยู่และมีสายสะดือติดอยู่ยอดของถุงหุ้ม สำหรับ  Gastroschisis เป็นภาวะที่ลำไส้อยู่นอกช่องท้อง (ตับและม้ามยังอยู่ในช่องท้อง)  จากผนังหน้าท้องที่ผิดปกติอยู่ข้างสะดือ ภาวะนี้แตกต่างจาก Omphalocele คือ ลำไส้ที่อยู่นอกช่องท้องไม่มีถุงหุ้มและสายสะดือยังติดที่ผิวหนังหน้าท้องที่ตำแหน่งปกติ
\r\n
\r\n 

\r\n\r\n \r\n \r\n \r\n \r\n \r\n \r\n \r\n \r\n
\"\"
\r\n
ลักษณะของท้องทารก
\r\n
\r\n


\r\n 

\r\n\r\n \r\n \r\n \r\n \r\n \r\n \r\n \r\n \r\n
\"\"
\r\n
การตรวจท้อง
\r\n
'),(16,2,'2.8 การตรวจแขนขา','

          2.8   การตรวจแขนขา

\r\n

         ควรสังเกตดู และตรวจดูความยาว ขนาด ความเท่ากัน ขอบเขตการเคลื่อนไหว โดยตรวจ ลักษณะนิ้วมือ นิ้วเท้า แขนขา ว่าจำนวนนิ้วครบ หรือมีนิ้วเกินหรือไม่ หากมีนิ้วเกิน (polydactyly) จะต้องตรวจดูว่ามีนิ้วเกินมีกระดูกร่วมด้วย รวมถึงความยาวของ 2 ข้างเท่ากันหรือไม่           

\r\n

         ควรตรวจเท้า  อาจพบเท้าปุก (Positional club foot) หากเป็นไม่มากจะค่อยๆ หายไปเอง  แต่หากเป็นมากก็จะต้องรับใส่เฝือก หรือ ผ่าตัด  

\r\n

          ควรตรวจกระดูกโดยทั่วๆ เพื่อดูว่ากระดูกหักหรือไม่ โดยเฉพาะ ทารกที่มีประวัติคลอดยาก ตรวจสะโพกทั้ง 2 ข้าง ว่ามีข้อสะโพกเคลื่อนหรือไม่โดยเปรียบเทียบความยาวของขาทั้ง 2 ข้าง หรือดูความเหมือนกันของ gluteal flod 2 ข้างเมื่อเวลาทารกนอนคว่ำ นอกจากนี้อาจตรวจโดยให้ทารกนอนราบกับพื้น งอเข่าทั้ง 2 ข้างขึ้นประมาณ 90 องศา ใช้มือทั้ง 2 ข้างจับต้นขาทั้ง 2 ข้างโดยให้นิ้วกลางวางที่บริเวณ greater trochanter และนิ้วหัวแม่มือวางอยู่ด้านในค่อยๆ กางขาทั้ง 2 ข้างออกโดยใช้นิ้วกลางกด greater trochanter มาทางข้างหน้าจะรู้สึกสะดุด  เพราะหัวของกระดูกต้นขาที่หลุดจะขยับกลับเข้าในเป้า (acetabulum) ในกรณีที่ข้อสะโพกยังไม่หลุดแต่หลวมก็อาจตรวจได้ โดยใช้นิ้วหัวแม่มือกดทางด้านในดันออกและไปทางด้านหลัง จะทำให้หัวของกระดูกต้นขาหลุดออกได้ เมื่อกางขาทั้ง 2 ข้างออก ก็จะรู้สึกสะดุด เช่นเดียวกันเมื่อหัวกระดูกต้นขากลับเข้าที่

\r\n

          ความผิดปกติของแขนและขาที่พบบ่อย ได้แก่ bracial plexus injury เกิดจากการบาดเจ็บจากการคลอดท่าก้น จากการที่คอทารกเหยียดมากเกินไป หรือคอถูกดึงอย่างแรงพร้อมกับหมุนตัวทารก  

\r\n\r\n \r\n \r\n \r\n \r\n \r\n \r\n \r\n \r\n \r\n
\"\"\"\"
\r\n
การตรวจแขนและขาทารก
\r\n
'),(17,2,'2.9 การตรวจหัวใจและทรวงอก','

          2.9  การตรวจหัวใจและทรวงอก

\r\n

         การหายใจในทารกแรกเกิดค่อนข้างไม่สม่ำเสมอ   และมีอัตราค่อนข้างเร็วประมาณ 30 - 60 ครั้ง/นาที  ในทารกคลอดก่อนกำหนดอาจมีการหายใจแบบ Cheyene- Stokes คือหยุดหายใจเป็นพักๆ ได้

\r\n

         การคลำดูความตึงและระยะห่างกระดูกซี่โครงและการเคาะโปร่งอาจช่วยวินิจฉัยภาวะลมในช่องเยื่อหุ้มปอดได้ การฟังมักจะบอกได้ยากเพราะบริเวณหน้าอกเล็ก ความดังเบา และลักษณะของเสียงหายใจก็จะช่วยวินิจฉัยโรคได้บ้าง

\r\n

         การตรวจขนาดของหัวใจมักจะทำได้ยาก และอาจพบเสียง murmur ในทารกปกติ เนื่องจากท่อและรูต่างๆ ในหัวใจยังปิดไม่สนิท โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าฟังในวันแรก ๆ อัตราของหัวใจจะเปลี่ยนแปลงระหว่าง 100-180 ครั้ง/นาที ตามการเคลื่อนไหวของทารก และเสียง murmur นี้จะหายไปได้เองใน 24-48 ชั่วโมง
\r\n
\r\n

'),(18,2,'2.10 การตรวจระบบประสาท','

        2.10   การตรวจระบบประสาท

\r\n

          การตรวจระบบประสาทประกอบด้วย การตรวจสภาวะทางสมอง การเคลื่อนไหวของร่างกาย การร้องไห้ ท่านอน ความตึงต้วของกล้ามเนื้อ รีเฟล็กซ์ การทำงานของเส้นประสาทสมอง และการรับรู้ความรู้สึก 

\r\n

          การตรวจระบบประสาทไม่ควรทำขณะที่ทารกหลับสนิท หรือมีสิ่งกระตุ้นประสาทสัมผัสเกินไป เช่น แสงสว่าง อุณหภูมิ และเสียงในสิ่งแวดล้อมมากเกินไป หรือการรบกวนทารกบ่อยๆ สิ่งสำคัญ ต้องดู คือ ความสมมาตรของด้านขวาและด้านซ้ายของร่างกาย และการประเมินความผิดปกติเกิดที่ระบบสมองส่วนกลางหรือส่วนปลาย 

\r\n

           การสังเกตอาการทั่วไปของทารก เช่น ลักษณะการร้องไห้ การเคลื่อนไหวของแขนขา สามารถแสดงถึงความผิดปกติทางระบบประสาทได้ ทารกปกติที่ไม่หิวนม เงียบ นอนหลับเป็นส่วนใหญ่ งอแขนขาและกำมือ เวลาร้องไห้แล้วเท้าสั่นได้ ซึ่งจะหายไปเมื่อจับนอนคว่ำ เวลาที่ทารกร้องไห้จะสามารถตรวจได้ว่าเส้นประสาทคู่ที่ 7 (facial nerve palsy) ผิดปกติหรือไม่ เช่น เวลาทารกร้องไห้มุมปากข้างที่มีปัญหาจะไม่ขยับ หากทารกร้องเสียงเบาและแหลมมาก มักมีความผิดปกติในสมอง และถ้าทารกไม่ขยับแขนเลยอาจพบภาวะ Erb \'s palsy เป็นต้น
\r\n

\r\n 

\r\n
\r\n\r\n

\r\nภาพวิดีโอแสดงการร้องไห้และเคลื่อนไหวแขน ขา ของทารกปกติ
\r\n
\r\n 
'),(19,2,'2.11 การตรวจการตอบสนองของร่างกาย','

          2.11  การตรวจ การตอบสนองของร่างกาย

\r\n

          โดยทั่วไปทารกแรกเกิดจะมี primitive basic reflex ต่างๆ เป็นส่วนใหญ่ ความสำคัญของการตรวจ ได้แก่ ดูการตอบสนองของ reflex เหล่านี้ และอายุที่รีเฟล็กซ์เหล่านี้จะหมดไป reflex ที่สำคัญ ได้แก่

\r\n

          Grasp reflex โดยการวางนิ้วชี้ของผู้ตรวจที่ฝ่ามือทารก ทารกปกติจะจับและกำนิ้วผู้ตรวจทันที ผู้ตรวจจะสามารถดึงมือทารกให้ทารกขึ้นมานั่งได้สักครู่ สังเกตว่าศีรษะทารกห้อยมากน้อยเพียงใด เพื่อดูกำลังกล้ามเนื้อได้ แต่ถ้าร้องไห้ทารกอาจแอ่นศีรษะไปด้านหลัง
\r\n
          Moro reflex ทำต่อจากการตรวจ Grasp reflex โดยปล่อยนิ้วผู้ตรวจออกจากมือทารกทันที ก่อนศีรษะทารกแตะพื้น ปล่อยตัวทารกลงบนพื้นที่นอน ทารกปกติจะโอบมือเข้าหากันทั้ง 2 ข้าง หรือตรวจขณะเมื่อทารกนอนหงายแล้วกระตุ้นโดยตบที่เบาะหรือดึงที่มือทารกค่อย ๆ แล้วปล่อยหรือประคองด้านหลังไว้แล้วปล่อยให้ศีรษะหงายไปข้างหลังประมาณ 10 - 15 องศา จะกระตุ้นทำให้ทารกกางแขนกางขาออก แล้วจึงงอเข้าทำท่าคล้ายกับกอด  ซึ่งจะค่อยๆ หายไปเมื่ออายุประมาณ 2 - 3 เดือน ถ้าไม่พบ reflex นี้ในทารกแรกเกิด ต้องคำนึงถึงภาวะสมองหรือได้รับอันตรายกระดูกหัก หรือเส้นประสาทแขนอัมพาต

\r\n

          Tonic neck reflex  เมื่อทารกนอนหงายและหันศีรษะไปด้านใดด้านหนึ่ง แขนและขาข้างนั้นจะเหยียดออก ส่วนด้านตรงข้ามจะงอเข้า โดยปกติมักจะทำให้เกิดได้ไม่ง่ายนัก และมักจะเกิดขึ้นเองเมื่อทารกนอนอยู่

\r\n

          Placcing and stepping reflex เมื่ออุ้มทารกให้หันหน้าขาหรือเท้าแตะที่ขอบเตียง ทารกจะงอเข้าและยกเท้าขึ้นวางบนขอบเตียงได้ ถ้าอุ้มให้ยืนในท่าที่ศีรษะเอียงไปข้างหน้าเล็กน้อย ทารกจะทำท่าเดินทีละก้าว

\r\n

          Rooting reflex กระตุ้นโดยใช้มือหรือของนิ่ม ๆ แตะที่แก้มเบา ๆ ทารกจะหันหน้าไปด้านนั้นและอ้าปากเหมือนกับพยายามจะดูดหัวนม ต่อมาถ้ามีการกระตุ้นที่ริมฝีปากหรือในคอก็จะเกิด sucking และ swalloing reflex ตามลำดับ

\r\n

          Laudau reflex เมื่อจับทารกด้วยมือทั้ง 2 ในท่าคว่ำ ให้ตัวอยู่อยู่ขนานกับพื้น ทารกจะพยายามยกศรีษะ ยกสะโพกขึ้น และยืดขาออก ทำให้ดูเป็นเส้นโค้งเหมือนแอ่นหลัง ถ้ากดศีรษะ ให้ต่ำลงหรือทารกก้มศีรษะเอง จากน้ำหนักตัว ทารกก็จะงอตัวและห้อยแขนขาลงด้วย ถ้าขีดที่ด้านข้างของฝ่าเท้า จากส้นเท้าขึ้นมาเป็นรูปตัวเจ ( J ) จนถึงบริเวณฝ่าเท้า ในทารกแรกเกิดจะมีการตอบสนองโดยมีหัวแม่เท้ากระดกขึ้นและอาจจะมีนิ้วอื่นๆ กางออกด้วย เรียกว่า Babinski sign ซึ่งมักจะหายไปเมื่อเริ่มเดินหรืออายุประมาณ 1 ปี

\r\n

          reflex เหล่านี้เป็น primitive basic reflex มักเริ่มพบได้ตั้งแต่อายุครรภ์ 28 สัปดาห์และสมบูรณ์เต็มที่เมื่อ 34 สัปดาห์ อาการแสดงทางระบบประสาทน่าจะบ่งชี้ได้ว่ามีความผิดปกติ ได้แก่ ไม่ดูดนมหรือดูดนมไม่ดี ร้องเสียงแหลมและเบา กระวนกระวาย ตาจ้องนิ่ง (staring eyes) นอนท่าผิดปกติ เช่น หลังแอ่นกำมือแน่นมาก นิ้วหัวแม่มือกำแน่นเข้าหาฝ่ามือตลอดเวลา(clench hand) ตัวเกร็งและกำลังกล้ามเนื้อมากผิดปกติ นอนท่ากบหรือกำลังกล้ามอ่อนทั่วตัวไม่ขยับ แขนขาไม่แสดงสีหน้าหรือขยับแขนขาไม่เท่ากัน ชัก และมีความผิดปกติแนวกึ่งกลางลำตัวด้านหน้าและหลัง ส่วน reflex เฉพาะที่อย่างอื่นๆ เช่น Abdominal reflex, deep tendon reflex จะตรวจพบได้เช่นเดียวกับวัยทารกวัยอื่นๆ ทั่วไป\r\n 

\r\n

\r\n
\r\nภาพวิดีโอแสดง Sucking Reflex
\r\n
\r\n
\r\n
\r\nภาพวิดีโอแสดง Moro Reflex
\r\n
\r\n 
'),(20,3,'3.1 การช่วยเหลือทางด้านการหายใจ','

         การดูแลทารกระหว่างที่อยู่ในห้องคลอด ควรให้ทารกนอนศีรษะต่ำ ดูดน้ำ เสมหะและเลือดออกจากปาก จมูกและคอโดยลูกสูบยางหรือเครื่องดูดเสมหะ ถ้าทารกหายใจดีเป็นปกติ ควรให้นอนตะแคงและศรีษะต่ำประมาณ 30 องศา ต่อไปอีกเพื่อให้น้ำและเสมหะที่ยังค้างอยู่ในทางเดินหายใจไหลออกมาได้สะดวก

\r\n

         การประเมินสภาพทารกโดยการใช้ Apgar Score ในทันทีหลังคลอดจะเป็นประโยชน์มาก โดย Apgar ได้แนะนำวิธีตรวจสภาพของทารกแรกเกิดที่เรียกว่า Apgar Score เพื่อดูว่าทารกมีภาวะขาดออกซิเจนขณะคลอด และต้องการความช่วยเหลือมากน้อยเพียงใด นอกจากนี้ Apgar Score ยังช่วยบอกอัตราการตาย อัตราความผิดปกติ อันอาจจะเกิดขึ้นกับทารกในระยะที่โตขึ้นด้วย
\r\n

\r\n


\r\n
ตาราง    แสดงการให้คะแนน Apgar Score
\r\n
 

\r\n\r\n \r\n \r\n \r\n \r\n \r\n \r\n \r\n \r\n \r\n \r\n \r\n \r\n \r\n \r\n \r\n \r\n \r\n \r\n \r\n \r\n \r\n \r\n \r\n \r\n \r\n \r\n \r\n \r\n \r\n \r\n \r\n \r\n \r\n \r\n \r\n \r\n \r\n \r\n \r\n \r\n \r\n
\r\n

 สิ่งที่ตรวจพบ

\r\n
\r\n

คะแนน

\r\n
\r\n

0

\r\n
\r\n

1

\r\n
\r\n

2

\r\n
\r\n

 สีผิว (Appearance)

\r\n
\r\n

 เขียวซีดทั้งตัว

\r\n
\r\n

 ตัวแดง มือเท้าเขียว

\r\n
\r\n

 แดงทั้งตัว

\r\n
\r\n

 ชีพจร (pulse)

\r\n
\r\n

 ไม่มี

\r\n
\r\n

 ต่ำกว่า 100 ครั้ง/นาที

\r\n
\r\n

 มากกว่า 100 ครั้ง/นาที

\r\n
\r\n

 ปฏิกิริยาการตอบ
\r\n สนอง (grimace)

\r\n
\r\n

 ไม่มี

\r\n
\r\n

 ทำหน้าเบะหน้าแสยะหน้าตาย่น

\r\n
\r\n

 ไอ จาม ร้องเสียงดัง

\r\n
\r\n

 กำลังกล้ามเนื้อ (muscle tone)

\r\n
\r\n

 นอนเฉยๆ อ่อนปวกเปียก

\r\n
\r\n

 งอแขนขาเล็กน้อย

\r\n
\r\n

 เคลื่อนไหวดี งอแขนขาเต็มที่

\r\n
\r\n

 การหายใจ (respiration)

\r\n
\r\n

 ไม่หายใจ

\r\n
\r\n

 หายใจช้า ร้องเบาๆไม่สม่ำเสมอ

\r\n
\r\n

 ร้องเสียงดัง หายใจสม่ำเสมอ

\r\n
\r\n


\r\n 

\r\n\r\n \r\n \r\n \r\n \r\n \r\n \r\n \r\n \r\n \r\n \r\n
\"\"\"\"
\r\n
ผิวหนังทารกที่มีสีแดงดี
\r\n
\r\n
ริมฝีปากสีแดงแต่มีปลายมือสีเขียว
\r\n
\r\n


\r\n
\r\n 

\r\n

\r\n
\r\nวิดีโอแสดงการตรวจชีพจรและการหายใจ
\r\n
 
'),(21,3,'3.2 การควบคุมอุณหภูมิร่างกาย','

          

\r\n

        ทารกแรกเกิด มีความลำบากในการควบคุมอุณหภูมิของร่างกาย เนื่องจากทารกแรกเกิดมีพื้นที่ผิวกาย (Surface area) มากกว่าผู้ใหญ่ เมื่อเปรียบเทียบกับน้ำหนักตัวและมีไขมันใต้ผิวหนังน้อยจึงทำให้มีโอกาสเสียความร้อนได้ง่าย 

\r\n

         โดยปกติทารกที่อยู่ในครรภ์มารดาจะมีอุณหภูมิสูงกว่ามารดา ประมาณ 0.5 องศาเซลเซียส เมื่อภายหลังเกิดอุณหภูมิลดลงประมาณ 0.1 องศาเซลเซียส/นาที หรืออาจลดลงเหลือ 35-35.5 องศาเซลเซียส ในเวลา 15-30 นาทีหลังคลอดเนื่องจากมีการระเหยของน้ำคร่ำ การที่ทารกมีไขมันใต้ผิวหนังน้อยและมีพื้นที่ผิวกายมากจึงเสียความร้อนได้สูงถึง 200 แคลอรี่/ กิโลกรัม/นาที 

\r\n


\r\n
ในทารกที่มีน้ำหนักตัวต่างกันก็ต้องการความร้อนแตกต่างกันไป ควรให้ทารกควบคุมอุณหภูมิได้ปกติก่อนโดยการใช้ความร้อนช่วยหรือห่มผ้าให้จึงจะอาบน้ำได้ หลังอาบน้ำ ต้องเช็ดตัวทารกให้แห้ง สวมเสื้อเหมาะสมกับอากาศ การวัดอุณหภูมิทารกแรกคลอด ต้องวัดปรอททางทวารหนักหรือรักแร้ทุก 4 ชม. เป็นเวลาประมาณ 2 วัน การวัดปรอททางทวารหนักก่อนสอดปรอทให้หล่อลื่นด้วยวาสลิน ก่อนสอด เพื่อป้องกันการระคายเคืองต่อเยื่อบุช่องทวารหนัก ก่อนวัดต้องตรวจสอบดูว่าปรอทไม่แตกหรือร้าว วัดใช้เวลานาน 1 นาที และสอดปรอทลงลึกประมาณ 1 - 2 นิ้ว
\r\n
 

\r\n\r\n \r\n \r\n \r\n \r\n \r\n \r\n \r\n \r\n
\"\"
\r\n
การวัดอุณหภูมิทารก
\r\n
\r\n

\r\n
\r\n
\r\n
\r\nภาพวิดีโอแสดงการห่อตัวทารก
\r\n
 
'),(22,3,'3.3 การป้องกันการติดเชื้อ','

         

\r\n

               การใช้เทคนิคปลอดเชื้อในการสัมผัสสายสะดือ รวมทั้งการใช้เครื่องมือปลอดเชื้อในการตัดและผูกสายสะดือ การทำความสะอาดบริเวณสะดือโดยใช้ providine หลังคลอดและใช้แอลกอฮอล์ 70 % ในครั้งต่อไปให้เช็ดและทิ้งไว้ให้แห้ง ส่วนมากสายสะดือจะหลุดเองในเวลาประมาณ 1-2 สัปดาห์  ต้องทำความสะอาดบริเวณรอบสะดือและขั้วสะดือทุกวันอย่างน้อยวันละ 3 - 4 ครั้ง คือ หลังอาบน้ำและหลังเปียกแฉะจากการเปื้อนของอุจจาระปัสสาวะเพื่อป้องกันการติดเชื้อ 

\r\n

          การเช็ดสะดือทารกแรกเกิดโดยใช้ providine นั้น ต้องเช็ดจากปลายสะดือวนลงมาจนถึงขั้วของสะดือ แล้วเช็ดรอบ ๆ ผิวหนังวนออก เพื่อป้องกันการนำเชื้อย้อนกลับไปติดในส่วนที่ยังไม่แห้ง

\r\n

         ส่วนการเช็ดสะดือทารกหลังคลอดที่มีสะดือแห้งดีแล้ว โดยใช้แอลกอฮอล์ 70% นั้น ให้เช็ดจากขั้วของสะดือวนเข้าไปจนถึงปลายสะดือ ในการเช็ดสามารถใช้มือจับสะดือเด็กได้ เพื่อให้เช็ดได้ทั่วถึง แต่ต้องใช้ความนุ่มนวลและระมัดระวัง
\r\n

\r\n          
สำหรับการป้องกันตาอักเสบจากเชื้อหนองในที่ใช้กันแพร่หลายมากที่สุด คือ 1 % tetracycline ชนิดครีมป้ายตา โดยป้ายตาทั้ง 2 ข้าง หลังป้ายตาควรรออย่างน้อย 1 นาที จึงค่อยเช็ดยาส่วนที่ออกนอกเบ้าตาด้วยสำลีปลอดเชื้อ 
\r\n
 

\r\n

\r\n
\r\nภาพวิดีโอแสดงการป้ายตาทารก

'),(23,3,'3.4 การป้องกันภาวะเลือดออก','

          

\r\n

         ทารกแรกเกิดมีความเสี่ยงสูงต่อการขาดวิตามินเค  ซึ่งจำเป็นสำหรับการสร้างปัจจัยการแข็งตัวของเลือด เนื่องจาก วิตามินเค ผ่านจากมารดาไปสู่ทารกในครรภ์ได้น้อย และลำไส้ใหญ่ของทารกแรกเกิดยังไม่มีแบคทีเรียประจำถิ่นที่สร้างวิตามินเคได้ ด้วยเหตุนี้ทารกจึงมีโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดเลือดออกง่ายเพิ่มขึ้น  พบได้บ่อยในทารกที่ได้คลอดจากมารดาที่รับประทานยาโรคลมชักขณะตั้งครรภ์ ตำแหน่งที่เลือดออกได้บ่อย ได้แก่ สะดือ ระบบทางเดินอาหารหรือกะโหลกศีรษะ 

\r\n


\r\n          ทารกทุกคนควรได้รับวิตามินเค 1 ภายหลังคลอด ทารกแรกเกิดก่อนกำหนดเป็นกลุ่มที่มีโอกาสสูญเสียเลือดในช่วงระยะแรกหลังคลอดและยังมีเหล็กสะสมในร่างกายไมเพียงพอ การให้เหล็กแก่ทารกเหล่านี้เพื่อป้องกันภาวะซีดจากการขาดเหล็กที่อาจจะซ้ำเติมภาวะ anemia of prematurity   ในโรงพยาบาลบางแห่งใช้ชนิดหยดทางปากในขนาด 2 มก. แต่ส่วนใหญ่ใช้ชนิดฉีดเข้ากล้ามในขนาด 1 มก. โดยฉีดเข้ากล้ามเนื้อบริเวณต้นขา Vastus lateralis 
\r\n

\r\n 

\r\n

\r\n
\r\nภาพวิดีโอแสดงการฉีดวิตามิน K เพื่อป้องกันการเลือดออกง่าย
\r\n
\r\n 
'),(24,3,'3.5 นมแม่','

          

\r\n

        ในทารกคลอดครบกำหนด ภายหลังคลอด 30 นาที ควรเริ่มให้ทารกดูดนมมารดา เพื่อเพิ่มความรัก ความผูกพันและสัมพนธภาพระหว่างมารดาและทารก นอกจากนี้เพื่อทดสอบความสามารถในการดูดและการกลืนหรือความผิดปกติอย่างอื่น ถ้าทารกดูดนมได้ดีแล้ว ควรฝึกให้นมทารกทุก 2 ชั่วโมง และมารดาเลี้ยงลูกด้วยนมแม่เพียงอย่างเดียวติดต่อกันอย่างน้อย 6 เดือน  นอกจากนี้เด็กที่กินนมแม่จะมีสมองไวต่อการรับรู้ สามารถเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ได้อย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในช่วง 2 ขวบแรก ซึ่งสมองจะเติบโตเร็วมากที่สุด 

\r\n


\r\n         
  น้ำนมแม่ยังมีสารอาหารต่างๆ มากกว่า 200 ชนิด เช่น ดีเอชเอ สารเอเอ ที่ช่วยสร้างเซลล์สมอง เส้นใยประสาทและจอประสาทตา กระตุ้นการเจริญเติบโตของเนื้อสมอง ที่ไม่สามารถหาได้จากนมชนิดอื่น  ทารกมีความต้องการนมโดยเฉลี่ยตามอายุดังนี้

\r\n


\r\n

\r\n\r\n \r\n \r\n \r\n \r\n \r\n \r\n \r\n \r\n \r\n \r\n \r\n \r\n \r\n \r\n \r\n \r\n \r\n \r\n \r\n \r\n \r\n \r\n \r\n \r\n \r\n \r\n
อายุมล. / กก. / วัน
1 - 2 วัน65
3     วัน 80
4     วัน100
5     วัน120
6     วัน150
\r\n


\r\n 

'),(25,3,'3.6 การชั่งน้ำหนัก','

          

\r\n

           ทารกควรได้รับการชั่งน้ำหนักทุกวันๆ ละ 1 ครั้ง การชั่งน้ำหนักต้องให้เด็ก อยู่ในลักษณะที่เปลือยเปล่า การชั่งในแต่ละวัน ต้องชั่งในเวลาเดียวกันหรือใกล้เคียง เช่น ถ้าชั่งในช่วงเช้า ควรจะชั่งในตอนเช้าของวันต่อๆ ไป ด้วย ตาชั่งที่ใช้ควรใช้ตาชั่งตัวเดิม เพื่อจะได้นำน้ำหนักเด็กมาเปรียบเทียบได้ถูกต้อง ว่าในแต่ละวันน้ำหนักลดลงผิดปกติหรือไม่

\r\n

            ตาชั่งควรมีผ้าหรือกระดาษก่อนนำเด็กไปชั่ง เพื่อป้องกันการปนเปื้อนเชื้อโรค และเมื่อชั่งเสร็จควรทิ้งผ้าหรือกระดาษทิ้ง แล้วทำความสะอาดตาชั่งทุกครั้ง

\r\n

       ข้อควรระวัง คือ อย่าปล่อยเด็กทิ้งไว้คนเดียวบนตาชั่ง ในระหว่างที่ชั่งน้ำหนักใช้มือบังเพื่อป้องกันไม่ให้เด็กตก
\r\n
\r\n
 

\r\n\r\n \r\n \r\n \r\n \r\n \r\n \r\n \r\n \r\n \r\n
\"\"\"\"
\r\n
ภาพแสดงตาชั่งและการชั่งน้ำหนักทารกแรกเกิด
\r\n
'),(26,3,'3.7 การทำความสะอาดร่างกายทารกแรกเกิด','

       

\r\n

           ปกติทารกแรกเกิด ภายหลังตัดสะดือแล้ว ผู้ทำคลอดจะส่งเด็กให้กับพยาบาลประจำห้องเด็กแรกเกิด ซึ่งจะรับเด็กด้วยผ้าปราศจากเชื้อ ที่จัดไว้ในชุดทำคลอด แล้วนำเด็กวางใน Crib ซึ่งจะมีป้ายชื่อติดไว้ที่ข้อมือทารกทุกคน ทารกแรกเกิดจะต้องทำความสะอาด ซึ่งมีวิธีปฏิบัติและช่วยเหลือดังนี้

\r\n

  1. เตรียมเสื้อผ้าและของใช้ทุกอย่างให้พร้อม
\r\n  2. วัดปรอททางก้นนาน 1 นาที หากอุณหภูมิตำกว่าปกติต้องรีบห่อตัว
\r\n  3. ชั่งน้ำหนักตัว 

\r\n

  4.  วัดความยาวลำตัว รอบศีรษะ
\r\n  5. ผู้ดูแลล้างมือให้สะอาด แล้วใช้สำลีที่ชุบ Normal saline เช็ดตา โดยเช็ดจากหัวตามาทางหางตาเสมอเพื่อป้องกันการติดเชื้อ
\r\n  6. เช็ดเลือดและไข Vernix Caseosa บริเวณศีรษะ ตัว แขน ขา โดยเฉพาะบริเวณข้อพับ และขาหนีบให้สะอาดด้วยก๊อซชุบน้ำมันมะกอก 
\r\n  7. ผู้ดูแลล้างมือให้สะอาดอีกครั้ง สวมถุงมือ sterile แล้วแต่งสายสะดือด้วยสำลีชุบ providine ด้วยเทคนิค sterile (กรณีดูแลสะดือแบบเปียก)โดยเริ่มเช็ดจากขั้วสะดือวนลงมาที่โคนสะดือในครั้งแรก ในวันต่อไป(กรณีดูแลสะดือแบบแห้ง)ให้ใช้สำลีชุบ แอลกอฮอล์ 70% เช็ดจากโคนสะดือมาที่ขั้วสะดือ

\r\n

  8. บันทึกลงในรายงาน

\r\n


\r\n
\r\n                    
การอาบน้ำเด็ก

\r\n

        การอาบน้ำเป็นกิจวัตรประจำวัน ของทารกส่วนใหญ่ พ่อแม่มักจะอาบน้ำให้ในตอนสายหรือตอนบ่าย ก่อนให้นม เพื่อป้องกันการสำรอกหรืออาเจียน มักจะใช้ผ้าหรือฟองน้ำเช็ดล้างแทน ไม่ว่าจะเป็นการอาบน้ำด้วยวิธีใด สิ่งสำคัญ คือ ต้องมีเครื่องใช้ที่จำเป็นทุกชนิดอยู่ใกล้มือ รวมทั้งผ้าเช็ดตัว ผ้าอ้อมสะอาดและเสื้อตัวใหม่ด้วย  

\r\n

        ขั้นตอนการอาบน้ำ ต้องอาบน้ำทารกในห้องที่อบอุ่น ไม่มีลมโกรก น้ำอุ่นขนาดที่ข้อศอกแตะได้สบาย ประมาณ 35 - 38 องศาเซลเซียส ใช้สบู่อ่อนหรือโลชั่นอาบน้ำของทารก อาจจะอาบน้ำทารกด้วยการใช้ฟองน้ำหรือใช้อ่างอาบน้ำ 

\r\n

        ควรทำตามขั้นตอน ดังนี้  เช็ดตาด้วยนำต้มสุก ใบหน้า จากนั้นสระผมทารก  เช็ดผมให้แห้ง  แล้วจึงอาบน้ำที่ตัวทารก ไม่ควรใช้เวลาที่นานมากเกินไปอาจทำให้ทารกอุณหภูมิร่างกายต่ำ และเป็นไข้ได้  
\r\n 

'); /*!40000 ALTER TABLE `topic` ENABLE KEYS */; UNLOCK TABLES; -- -- Table structure for table `user` -- DROP TABLE IF EXISTS `user`; SET @saved_cs_client = @@character_set_client; SET character_set_client = utf8; CREATE TABLE `user` ( `id` int(10) NOT NULL auto_increment, `user` varchar(50) NOT NULL, `passwd` varchar(50) NOT NULL, `prefix` varchar(15) NOT NULL, `fname` varchar(50) NOT NULL, `lname` varchar(50) NOT NULL, `email` varchar(50) NOT NULL, `mark` int(2) NOT NULL default '0', `msg` mediumtext NOT NULL, `hacker` varchar(50) NOT NULL default '0', `lastlog` varchar(50) NOT NULL default '0', `dtnow` varchar(50) NOT NULL, `gid` int(1) NOT NULL, PRIMARY KEY (`id`), UNIQUE KEY `user` (`user`) ) ENGINE=InnoDB AUTO_INCREMENT=201 DEFAULT CHARSET=utf8; SET character_set_client = @saved_cs_client; -- -- Dumping data for table `user` -- LOCK TABLES `user` WRITE; /*!40000 ALTER TABLE `user` DISABLE KEYS */; INSERT INTO `user` VALUES (1,'admin','5782bd6f1f7e1c40b26ef2d003e8221e','นาย','วีรนันท์','มาลาศิลป์','root@localhost.com',0,'242/35 ถ.อุดรดุษฎี อ.เมือง จ.อุดรธานี 41000','113.53.177.254 @ 27/07/10 - 19:19','4/04/10 - 08:26','27/07/10 - 19:19',1),(2,'teacher','fe01ce2a7fbac8fafaed7c982a04e229','นางสาว','จิตตานันท์','ศรีสุวรรณ','jittanan@yahoo.com',0,'วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี อุดรธานี','127.0.0.1 @ 23/04/09 - 16:43','22/03/09 - 15:59','22/03/09 - 16:56',2),(19,'4801010','1e48c4420b7073bc11916c6c1de226bb','นางสาว','จารุรินทร์','พงษ์ประเเทศ','',5,'','0','15/08/07 - 09:36','15/08/07 - 09:39',3),(20,'4801011','7f975a56c761db6506eca0b37ce6ec87','นางสาว','จารุวรรณ','ปางชาติ','',6,'','0','26/07/07 - 23:27','27/07/07 - 09:55',3),(21,'4801012','f33ba15effa5c10e873bf3842afb46a6','นางสาว','จุฑารัตน์','พรวาปี','',7,'','0','26/07/07 - 23:31','27/07/07 - 09:55',3),(22,'4801013','6b180037abbebea991d8b1232f8a8ca9','นาย','เจษฎา','ชัยดี','',10,'','0','27/07/07 - 09:55','27/07/07 - 11:58',3),(23,'4801016','08fe2621d8e716b02ec0da35256a998d','นางสาว','ณํฐกา','จังพล','',0,'','0','26/07/07 - 19:00','26/07/07 - 23:05',3),(24,'4801017','5d616dd38211ebb5d6ec52986674b6e4','นางสาว','ดุจลดา','แก้วมิตร','',8,'','0','26/07/07 - 23:06','27/07/07 - 09:55',3),(25,'4801018','ef50c335cca9f340bde656363ebd02fd','นางสาว','ดุษฎี','วงษ์วชิรโชติ','poophey_18@hotmail.com',7,'','0','26/07/07 - 19:03','27/07/07 - 09:51',3),(26,'4801019','03e0704b5690a2dee1861dc3ad3316c9','นาย','เดวิทย์','มีลา','',5,'','0','27/07/07 - 11:55','27/07/07 - 12:12',3),(27,'4801022','93d65641ff3f1586614cf2c1ad240b6c','นางสาว','นภา','อุตรบุญจันทร์','',4,'','125.25.173.16 @ 26/07/07 - 05:24','26/07/07 - 23:07','27/07/07 - 09:55',3),(28,'4801025','82b8a3434904411a9fdc43ca87cee70c','นางสาว','นุสรา','ธาตุวิสัย','',10,'','0','27/07/07 - 09:50','14/08/07 - 14:49',3),(29,'4801028','3806734b256c27e41ec2c6bffa26d9e7','นางสาว','ประกายมาศ','นันทพรหม','',10,'','0','26/07/07 - 23:08','27/07/07 - 09:55',3),(30,'4801031','afdec7005cc9f14302cd0474fd0f3c96','นางสาว','ปวีณา','ปะกินำหัง','',10,'','0','27/07/07 - 11:47','27/07/07 - 11:47',3),(31,'4801032','995e1fda4a2b5f55ef0df50868bf2a8f','นางสาว','ปานใจ','มีพลงาม','',5,'','192.168.1.39 @ 27/07/07 - 09:51','27/07/07 - 11:57','27/07/07 - 12:11',3),(32,'4801036','83fa5a432ae55c253d0e60dbfa716723','นางสาว','พัชรินทร์','ทิพดง','',10,'','0','26/07/07 - 23:10','27/07/07 - 09:55',3),(33,'4801037','eddb904a6db773755d2857aacadb1cb0','นางสาว','พัทธมนต์','โพนสูง','',10,'','0','26/07/07 - 23:10','27/07/07 - 09:40',3),(34,'4801040','537d9b6c927223c796cac288cced29df','นาย','ภนุมาศ','ห้าวหาญ','',6,'','0','26/07/07 - 23:11','27/07/07 - 09:55',3),(35,'4801042','9ac403da7947a183884c18a67d3aa8de','นางสาว','มาริสา','ฝ้ายเทศ','',5,'','0','26/07/07 - 23:12','27/07/07 - 09:55',3),(36,'4801043','b9141aff1412dc76340b3822d9ea6c72','นางสาว','ยุพยงค์','ประนิตย์','',10,'','192.168.1.48 @ 27/07/07 - 09:51','27/07/07 - 09:51','27/07/07 - 11:46',3),(37,'4801044','1019c8091693ef5c5f55970346633f92','นางสาว','ยุวดี','ถาวงค์ราม','',10,'','0','27/07/07 - 09:55','27/07/07 - 11:42',3),(38,'4801046','1579779b98ce9edb98dd85606f2c119d','นางสาว','รัตนภรณ์','จันทรเสนา','',1,'','192.168.1.27 @ 14/08/07 - 14:54','2/08/07 - 09:32','14/08/07 - 14:55',3),(39,'4801048','7cce53cf90577442771720a370c3c723','นางสาว','รัตนา','จันทชา','',8,'','0','26/07/07 - 23:13','27/07/07 - 09:55',3),(40,'4801053','7fec306d1e665bc9c748b5d2b99a6e97','นางสาว','ลัดดาวัลย์','แวงคำ','',10,'','0','27/07/07 - 11:59','27/07/07 - 12:12',3),(41,'4801055','53c04118df112c13a8c34b38343b9c10','นางสาว','วันวิสาข์','สุนะไตร์','',6,'','0','2/08/07 - 15:38','10/08/07 - 08:49',3),(42,'4801056','4ca82782c5372a547c104929f03fe7a9','นางสาว','วารุณี','บงแก้ว','minta_care@hotmail.com',10,'','0','27/07/07 - 09:55','27/07/07 - 10:21',3),(43,'4801062','cd89fef7ffdd490db800357f47722b20','นาย','วีรพล','ชูสันเทียะ','',7,'','0','27/07/07 - 09:56','27/07/07 - 11:47',3),(44,'4801063','6c340f25839e6acdc73414517203f5f0','นางสาว','ศศิธร','ตันมิ่ง','',10,'','0','26/07/07 - 23:17','27/07/07 - 09:49',3),(45,'4801064','2290a7385ed77cc5592dc2153229f082','นางสาว','ศันสนีย์','มุงคำภา','',10,'','0','26/07/07 - 23:18','27/07/07 - 09:55',3),(46,'4801065','a2137a2ae8e39b5002a3f8909ecb88fe','นางสาว','ศิริลักษณ์','วงศ์อนุ','',7,'','0','26/07/07 - 23:18','27/07/07 - 09:55',3),(47,'4801067','31857b449c407203749ae32dd0e7d64a','นางสาว','สมใจ','รัววิชา','',7,'','0','26/07/07 - 23:19','27/07/07 - 09:55',3),(48,'4801068','53adaf494dc89ef7196d73636eb2451b','นางสาว','สมฤทัย','มีศิลป์','',10,'','0','27/07/07 - 09:51','27/07/07 - 11:49',3),(49,'4801070','dc58e3a306451c9d670adcd37004f48f','นางสาว','สลักจิตร','สุดสนธ์','',8,'','192.168.1.23 @ 27/07/07 - 09:56','25/07/07 - 18:51','27/07/07 - 09:58',3),(50,'4801072','a1519de5b5d44b31a01de013b9b51a80','นางสาว','สาวิตรี','อินอุ่นโชติ','',7,'','0','26/07/07 - 02:54','27/07/07 - 09:55',3),(51,'4801074','708f3cf8100d5e71834b1db77dfa15d6','นางสาว','สุบรรณ','อาจสมัย','',9,'','0','27/07/07 - 09:55','27/07/07 - 12:30',3),(52,'4801075','46072631582fc240dd2674a7d063b040','นางสาว','สุพรรณี','วงค์ท้าว','',10,'','0','27/07/07 - 09:55','27/07/07 - 12:20',3),(53,'4801076','8a1e808b55fde9455cb3d8857ed88389','นางสาว','สุพัตรา','สักคือพิมพ์','',8,'','0','27/07/07 - 10:01','27/07/07 - 10:07',3),(54,'4801082','818f4654ed39a1c147d1e51a00ffb4cb','นางสาว','สุรชัย','พิมพ์ฉิม','',7,'','0','27/07/07 - 09:56','27/07/07 - 11:48',3),(55,'4801085','4f16c818875d9fcb6867c7bdc89be7eb','นางสาว','อรุณรัตน์','สิงห์ม่วง','',6,'','0','27/07/07 - 09:51','27/07/07 - 11:49',3),(56,'4801087','a26398dca6f47b49876cbaffbc9954f9','นางสาว','อัจฉรา','จันทร์อ่อน','',10,'','0','27/07/07 - 09:42','27/07/07 - 11:33',3),(57,'4801089','03f544613917945245041ea1581df0c2','นางสาว','อิศราพร','สุธรรม','',6,'','0','25/07/07 - 18:55','27/07/07 - 09:55',3),(58,'4701006','9246444d94f081e3549803b928260f56','นางสาว','คัคนางค์','อุดมทรัพย์','',0,'','0','25/07/07 - 18:56','26/07/07 - 02:50',3),(59,'4701007','d7322ed717dedf1eb4e6e52a37ea7bcd','นางสาว','จิราภรณ์','แก้วอุดร','',6,'','0','27/07/07 - 09:55','27/07/07 - 12:09',3),(60,'4801039','27ed0fb950b856b06e1273989422e7d3','นางสาว','พีรพรรณ','เกษหอม','',6,'','0','27/07/07 - 09:59','27/07/07 - 10:00',3),(61,'test','098f6bcd4621d373cade4e832627b4f6','นาย','test','test','test123@localhost.com',0,'test','202.28.35.2 @ 13/06/10 - 14:36','12/03/10 - 18:37','15/06/10 - 18:54',3),(84,'guest1','c4e799fad53c0dec94d4f201a4dd5e78','นาย','guest1','','',0,'','127.0.0.1 @ 24/06/09 - 07:11','0','0',3),(85,'guest2','c4e799fad53c0dec94d4f201a4dd5e78','นาย','guest2','','',0,'','0','0','0',3),(86,'guest3','800e07f96539ce15ae6bf604dd9cc73f','นางสาว','guest3','','',0,'','0','0','0',3),(87,'guest4','0c2f95edb0b3757e49dcf01e219914eb','นางสาว','guest4','','',0,'','0','0','0',3),(88,'guest5','1ba562cc025376a90f12a9ec337cf67a','นางสาว','guest5','','',0,'','0','0','0',3),(89,'guest6','b11f242a93ad61214f1b3d3625056996','นางสาว','guest6','','',0,'','0','0','0',3),(90,'guest7','8e5b26ee798fb7ebb55b50ed62af4ffc','นางสาว','guest7','','',0,'','0','0','0',3),(91,'guest8','42d698a70d22e1a35ba6a4147f52daef','นางสาว','guest8','','',0,'','0','0','0',3),(92,'guest9','972081457ab71fd2fac5a639882d9d0d','นางสาว','guest9','','',0,'','0','0','0',3),(114,'502101021','a0221bb5cc4d6e0562a2eb31da7a304c','นาย','นาคพงษ์ ','ทิพราช 16A','',0,'','0','0','0',3),(115,'502101093','4438b686549406cab3a9f3566917ec0b','นางสาว','นาดา','ดอมะ 16A','',0,'','0','0','0',3),(116,'502101094','b7c581bd27dcdd0ffa97fc8e6ac4ac19','นางสาว','นาปีเซาะห์','ปุโรง 16A','',0,'16A','0','0','0',3),(117,'502101023','8a94b979a505e8a6c31f45fc246de0b5','นางสาว','น้ำส้ม','ใต้ชมภู 16A','',0,'','0','0','0',3),(118,'502101098','bc0c92dba74df4a9c044f0cb69e4b9d7','นางสาว','นุรอฮะ','ดอนา 16A','',0,'','0','0','0',3),(119,'502101099','05032de89d6f7db8cba17eb618a35d37','นางสาว','นุศรา','อุรามา 16A','',0,'','0','0','0',3),(120,'502101102','f7bfa1851b429b0d883e2f68963dc6bd','นางสาว','นูรีซา','ดือเร๊ะ 16A','',0,'','0','0','0',3),(121,'502101104','a8a0d8fb007579e6767445d80614ca10','นางสาว','นูรีนา','สาและ 16A','',0,'','0','0','0',3),(122,'502101105','2082c7fa94d1993362a7129e559b80af','นางสาว','นูรียะห์','ตือแป 16A','',0,'','0','0','0',3),(123,'502101025','209861d6b8afe6dde735078c429fd7fa','นางสาว','บังอร','เทศมี 16A','',0,'','0','0','0',3),(124,'502101027','7aab2e0a0ac4305c5a2349ff8e91d9be','นางสาว','ปทุมมา','ราชศรีเมือง 16A','',0,'','0','0','0',3),(125,'502101111','487ca92673c34d4c745777d1d968918d','นางสาว','ปาวซีย๊ะ','กาหลง 16A','',0,'','0','0','0',3),(126,'502101112','37ce985787e8b4c1977e00a8eb2e7215','นางสาว','ปิยวรรณ','แสงทอง 16A','',0,'','0','0','0',3),(127,'502101115','fd35babd1b35128c12dd8703e07215c9','นางสาว','พัตราภรณ์ ','ภูมิประเสริฐ 16A','',0,'','0','0','0',3),(128,'502101117','fdd87d67904de34ce79f5235b40fac61','นางสาว','พิมพา','ละม้าย 16A','',0,'','0','0','0',3),(129,'502101120','c57ea071c0ed5781391b8236405a10da','นางสาว','ฟาซีละห์','สาแม 16A','',0,'','0','0','0',3),(130,'502101121','2ad5ce5da153b13e79e00bb753d89017','นางสาว','ฟาดีละห์','เจะมะ 16A','',0,'','0','0','0',3),(131,'502101122','0011e5390ac49ed215e2aa53b5e31bdd','นางสาว','ฟาตีหม๊ะ','ยีมูดา 16A','',0,'','0','0','0',3),(132,'502101123','7c5e8ac25d9b22eeaa87d1db8daad5df','นางสาว','ฟารีดา','สาเมาะ 16A','',0,'','0','0','0',3),(133,'502101125','c3bcf8db4c8b3021d1b1e9a202bd5e89','นางสาว','ฟิตราวาตี','โตะฮิเล 16A','',0,'','0','0','0',3),(134,'502101035','eb9c8c360992ffa9e079348da9f815d1','นางสาว','มัทนา','พรมรักษา','',0,'','0','0','0',3),(135,'502101127','600f048b7a70f6fc85534ec104eba4c2','นางสาว','มายีดะห์','มะลี 16A','',0,'','0','0','0',3),(136,'502101130','b22de8829b06583b07d8e77bf5169ea0','นางสาว','ไมมูเนาะ','สารีมิ่ง 16A','',0,'','0','0','0',3),(137,'502101131','cafc4c62cf743a3c273ffe1f4be66d35','นางสาว','ยศวดี','ดอเลาะ 16A','',0,'','0','0','0',3),(138,'502101037','27712ad1bca514008a5c4d113530842d','นางสาว','ยุภาภรณ์','สินนอก 16A','',0,'','0','0','0',3),(139,'502101132','5580eaff0a7b0061daac3eff3d6f3f25','นางสาว','ยุสรอ','มะดง 16A','',0,'','0','0','0',3),(140,'502101038','688ecc09f3fb38496e710fba9e40c443','นางสาว','รภีภรณ์','ดวงมาตย์พล 16A','',0,'','0','0','0',3),(141,'502101133','85e2f55cb1a56ca518d9087dfcc6c728','นางสาว','รสนา','อภิบาลแบ 16A','',0,'','0','0','0',3),(142,'502101134','f3eb67cb76892be064ec47eac1e61daa','นาย','รอกิบ','ยะโก๊ะ 16A','',0,'','0','0','0',3),(143,'502101137','54026812a45203841daaa6d04ca48d13','นางสาว','รอฮานี','สินแส 16A','',0,'','0','0','0',3),(144,'502101139','64cba1e94de69e9bea1c088d7829e93d','นางสาว','รัตนา','เปาะซา 16A','',0,'','0','0','0',3),(145,'502101140','a3b4cfc53308089d73ff054bdf0d100a','นางสาว','รุทธิรา','ศรีบุญเอียด 16A','',0,'','0','0','0',3),(146,'502101142','46906b1cf8b461139a392a4f419bc31c','นางสาว','โรสอัยนี','หะยีเต๊ะ','',0,'','0','0','0',3),(147,'502101146','71d55b81995737acb1dafac1a0963e90','นางสาว','วรัญญา','มามะ 16A','',0,'','0','0','0',3),(148,'502101041','4486f1419a2e375fb2ef41f0ce3a5d04','นางสาว','วรานันทน์','ฐานวิเศษ 16A','',0,'','0','0','0',3),(149,'502101147','8f187a5c5068e1bb22fb27cc162223f9','นางสาว','วันวิสา','ขาวอำไพ 16A','',0,'','0','0','0',3),(150,'502101043','248fa4d308e43af68a1f391344420a64','นางสาว','วิชุดา','ภาโนมัย 16A','',0,'','0','0','0',3),(151,'502101149','d0fa945da84d6eb370357a33bf667b1d','นางสาว','แวเยาะ','แวนาแว 16A','',0,'','0','0','0',3),(152,'502101197','56c25dce2a34463e26f1bbac054cef10','นางสาว','ศตนันทน์','กรมเมือง 16A','',0,'','0','0','0',3),(153,'502101045','e1f6d01355b5978790b5e9fc7558e6d9','นางสาว','ศรีไชย','โพธิ์ศรี 16A','',0,'','0','0','0',3),(154,'502101046','5113799c9c175a74f3ca7c8f951f8468','นางสาว','ศศิภา','ยงยืน 16A','',0,'','0','0','0',3),(155,'502101047','a19c20fbbdc5f2937f3496adf6843fbc','นาย','ศักดา','เจ๊กชาตรี 16A','',0,'','0','0','0',3),(156,'502101048','704173bd05065717d1b00ace326397ec','นางสาว','ศิริพร','ผาจันดา 16A','',0,'','0','0','0',3),(157,'502101050','b620471fa9d217ec99617b93b7855e8c','นางสาว','ศิริวรรณ','แสนศิริ 16A','',0,'','0','0','0',3),(158,'502101154','78e3d15a6ce731e7a2d6c5cca61a3572','นางสาว','สกุณา','สันยาหนี 16A','',0,'','0','0','0',3),(159,'502101051','ddeb6fe86529ce92ab0f2aeba698a70a','นางสาว','สะอาด','สุระมณี 16A','',0,'','0','0','0',3),(160,'502101156','99e63620ec5e12877a4e5038a472aca4','นางสาว','สาปียะห์','ยาสาและ 16A','',0,'','0','0','0',3),(161,'502101157','7abdd2c9dd287da1389ed3f3626c0107','นางสาว','สามีเราะห์','มะรือโบอุมา 16A','',0,'','0','0','0',3),(162,'502101052','fa3ff1b1cfe557046f5cba4f06ef9a79','นางสาว','สาลินี','ฮุยเสนา 16A','',0,'','0','0','0',3),(163,'502101159','360f7f930489c2750fcfd221921d41c0','นางสาว','สิวิณี','ทองธรรมชาติ 16A','',0,'','0','0','0',3),(164,'502101053','9c92322a848b38042f484422c4042be8','นางสาว','สุกัญญา','จันทะมูล 16A','',0,'','0','0','0',3),(165,'502101162','14632d06a0f05e4528fb68af4a6db9af','นางสาว','สุนีย์','หมัดประสิทธิ์ 16A','',0,'','0','0','0',3),(166,'502101163','ecc213c4cf8821befeb0f94991dd25fd','นางสาว','สุปรานี','ยูโซะ 16A','',0,'','0','0','0',3),(167,'502101055','d707c5284f0ecab1d17c6e4a4b0c53a9','นางสาว','สุพัตรา','ลาธิ 16A','',0,'','0','0','0',3),(168,'502101165','ebc7a2ebdc839e9b766ff91225372791','นาย','สุฟีลดาว','เจ๊ะโซ๊ะ 16A','',0,'','0','0','0',3),(169,'502101166','9843369bc441031eb9b8d62f3ec63881','นางสาว','สุภาพร','จิตคำรพ 16A','',0,'','0','0','0',3),(170,'502101056','3f468d277dbba0dc0b0829816fa65510','นางสาว','สุวารินทร์','บุตตโลบล 16A','',0,'','0','0','0',3),(171,'502101171','029824ee2d5842b08f555d5c25f287ab','นางสาว','อนินฑิตา','มุนาแมะ','',0,'','0','0','0',3),(172,'502101059','4d5df141e3b70a2dfb8bc598eaa1d59a','นางสาว','อัจฉรา','อาสน์ปาสา 16A','',0,'','0','0','0',3),(173,'502101173','60588266dfd98304f6d030718c318f17','นางสาว','อัซรียา','เบ็ญนา 16A','',0,'','0','0','0',3),(174,'502101175','49baf9a89912fe1ae8373f6c6d5fd9f1','นาย','อันวา','คารี 16A','',0,'','0','0','0',3),(175,'502101176','775fba0375b4be93d4f09224c2cb28f1','นาย','อับดุลนาเสร์','มะและ 16A','',0,'','0','0','0',3),(176,'502101177','19081817a371f321d47a952c42a10aed','นาย','อัมรี','สาแม 16A','',0,'','0','0','0',3),(177,'502101180','1c2d0898f5e5e9973f7ed6ca281fa4c8','นาย','อัสรีย์','มิเซ็ง 16A','',0,'','0','0','0',3),(178,'502101182','10e8f56bff6189c9e0808f4d94d80e90','นางสาว','อาซีซ๊ะ','แวยาลอ 16A','',0,'','0','0','0',3),(179,'502101183','cd09576793fd53b1f4a79dc25ec112fb','นางสาว','อาซีซาน','มะโย๊ะ 16A','',0,'','0','0','0',3),(180,'502101185','e49dde55662297ca31771d926acd286c','นางสาว','อามานี','สะอิ้ง 16A','',0,'','0','0','0',3),(181,'502101186','f3680e681d746c0b050f67d380e068d7','นางสาว','อามีเนาะ','เจะมิ 16A','',0,'','0','0','0',3),(182,'502101187','aed18d5a7857b2d4f6a4ae8e1d4fb6da','นางสาว','อาริสา','บาฮี 16A','',0,'','0','0','0',3),(183,'502101190','3fec62a4ea5b3eff2209a073bf9638b5','นาย','อาลี','ดอเลาะ 16A','',0,'','0','0','0',3),(184,'502101192','230ea0c10d2c9e59d1ef1f55fca71f1f','นางสาว','อุดมภรณ์','อินทสาตร์ 16A','',0,'','0','0','0',3),(185,'502101191','7ce9736a27d0af9e04fe6c0e4e995b37','นางสาว','อุไรณี','เจะมะ 16A','',0,'','0','0','0',3),(186,'502101193','b2b36f17e6bb701ef71356bf20ba42af','นางสาว','แอเสาะ','สามะ 16A','',0,'','0','0','0',3),(187,'502101194','9ea68a250ac21b7152a0f0cadb8cb98f','นาย','ฮัมดี','แวดือเระ 16A','',0,'','0','0','0',3),(188,'502101195','7abb41aabae6c87c0f93c4fd6015f24f','นางสาว','ฮายาตี','หะมะ 16A','',0,'','0','0','0',3),(189,'492101050','09a3a7d918e4dfee3280220e8585bf24','นางสาว','รัตนวารี ','ไชยพร 16A','',0,'','0','0','0',3),(191,'123','202cb962ac59075b964b07152d234b70','นาย','123','123','123',0,'123','0','0','16/07/09 - 23:25',4),(192,'thipawan','aaa0bcba8f2091e969b1afcfe9556c00','นางสาว','ทิพาวรรณ','สมจิตร','i_am_por@hotmail.com',0,'วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนี อุดรธานี','0','0','4/11/09 - 09:57',4),(193,'paolo','827ccb0eea8a706c4c34a16891f84e7b','นาย','paolo','chm','paolo_soclose@ggg.com',0,'dfdf','202.28.35.2 @ 13/06/10 - 14:35','0','2/04/10 - 10:31',4),(194,'502101170','8da5ff4f59dbcc3611267935f44543ba','นางสาว','สู่ขวัญ','คงมา','sukhwas_khongma@hotmail.com',0,'88 ม.1 ต.หนองไผ่ อ.เมือง จ.อุดรธานี','0','0','14/05/10 - 20:44',4),(195,'siriornk','812e0350c59c54e75a7c7ba8008d3b78','นาง','สิริอร','ข้อยุ่น','siriornk@hotmail.com',0,'457/35 ถ.รอบเมือง อ.เมืองจ.อุดร','0','0','31/05/10 - 10:53',4),(196,'test2','098f6bcd4621d373cade4e832627b4f6','นาย','dfdf','dfdf','dfdf@ysdf.com',0,'dfdf','0','0','13/06/10 - 14:36',4),(197,'ning','bd9491000f78003aaf16b264f674fa25','นางสาว','ศศิธร','มูลตรี','j-ning_448@hotmail.com',0,'อุดรธานี','0','0','9/07/10 - 23:42',4),(198,'supakit25','f638f4354ff089323d1a5f78fd8f63ca','นาย','ศุภกิจ ','แก้วแสนทิพย์','supakit25@hotmail.com',0,'โรงพยาบาลผาขาว','0','0','27/07/10 - 23:04',4),(199,'DERA','e10adc3949ba59abbe56e057f20f883e','นางสาว','ทรงสุดา','หมื่นไธสง','songsuda_muen@hotmail.com',0,'วพบ ขอนแก่น','0','0','2/08/10 - 21:55',4),(200,'kannika16','1d8dac6a1ce4788f576ece57721b71c1','นางสาว','กรรณิกา','ชากำนัน','kannika_bcnu@hotmail.com',0,'88 ม.1 ถนนมิตรภาพ ต.โนนสูง อ.เมือง จ.อุดรธานี','0','0','9/08/10 - 12:29',4); /*!40000 ALTER TABLE `user` ENABLE KEYS */; UNLOCK TABLES; -- -- Table structure for table `usergroup` -- DROP TABLE IF EXISTS `usergroup`; SET @saved_cs_client = @@character_set_client; SET character_set_client = utf8; CREATE TABLE `usergroup` ( `gid` int(1) NOT NULL, `gName` varchar(20) NOT NULL, PRIMARY KEY (`gid`) ) ENGINE=InnoDB DEFAULT CHARSET=utf8; SET character_set_client = @saved_cs_client; -- -- Dumping data for table `usergroup` -- LOCK TABLES `usergroup` WRITE; /*!40000 ALTER TABLE `usergroup` DISABLE KEYS */; INSERT INTO `usergroup` VALUES (1,'ผู้ดูแลระบบ'),(2,'อาจารย์'),(3,'นักศึกษา'),(4,'บุคคลทั่วไป'); /*!40000 ALTER TABLE `usergroup` ENABLE KEYS */; UNLOCK TABLES; -- -- Dumping routines for database 'e_learning' -- DELIMITER ;; DELIMITER ; /*!40103 SET TIME_ZONE=@OLD_TIME_ZONE */; /*!40101 SET SQL_MODE=@OLD_SQL_MODE */; /*!40014 SET FOREIGN_KEY_CHECKS=@OLD_FOREIGN_KEY_CHECKS */; /*!40014 SET UNIQUE_CHECKS=@OLD_UNIQUE_CHECKS */; /*!40101 SET CHARACTER_SET_CLIENT=@OLD_CHARACTER_SET_CLIENT */; /*!40101 SET CHARACTER_SET_RESULTS=@OLD_CHARACTER_SET_RESULTS */; /*!40101 SET COLLATION_CONNECTION=@OLD_COLLATION_CONNECTION */; /*!40111 SET SQL_NOTES=@OLD_SQL_NOTES */; -- Dump completed on 2024-06-25 2:43:03